จากเหตุการณ์การโจรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ากว่า 2.97 ล้านล้านวอน (ประมาณ 24.7 พันล้านดอลลาร์) ในปีนี้ *องค์กรป้องกันการฟอกเงินสากล (FATF)* ได้ออกมาเรียกร้องให้ทั่วโลกดำเนินมาตรการกำกับดูแลวงการคริปโตเคอร์เรนซีที่เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน FATF เน้นว่ารัฐบาลแต่ละประเทศควรเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินนโยบาย *ต่อต้านการฟอกเงิน (AML)* และ *การต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (CFT)* สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
FATF ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปารีส ระบุว่า แม้จะมีพัฒนาการในด้านการกำกับดูแล *สินทรัพย์เสมือน (VA)* หลังปี 2024 แต่ในปัจจุบันหลายประเทศยังไม่สามารถรับมือกับกลโกงและการซื้อขายผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในช่องโหว่สำคัญคือการไม่มีกฎระเบียบครอบคลุม *ผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือน (VASP)* ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ FATF แนะนำให้ใช้ระบบ *การออกใบอนุญาตและการลงทะเบียน* เพื่อควบคุมผู้ประกอบการในกลุ่มนี้อย่างจริงจัง
ณ ปัจจุบัน มีประเทศจำนวน 99 แห่งที่ได้นำ ‘*กฎการเดินทางของข้อมูล (Travel Rule)*’ มาใช้หรืออยู่ระหว่างการดำเนินการ โดย FATF ยังได้เผยแพร่รายงานตัวอย่างแนวทางการกำกับดูแลกฎดังกล่าวในระดับนานาชาติ เพื่อให้ประเทศต่างๆ สามารถใช้เป็นกรณีศึกษาสำหรับการสร้างระบบการติดตามทรานส์แอ็กชันคริปโตอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มาของรายงานฉบับนี้สะท้อนถึงสถานการณ์การโจรกรรมในอุตสาหกรรมคริปโตที่เกิดขึ้นอย่างมากในปีนี้ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เพียงอย่างเดียว พบว่ามีสินทรัพย์ดิจิทัลสูญหายไปแล้วกว่า 2.83 ล้านล้านวอน (ราว 22.2 พันล้านดอลลาร์) โดยเฉพาะกลุ่มแฮกเกอร์เกาหลีเหนือที่อยู่เบื้องหลังการแฮกระบบของ *ไบบิท(Bybit)* ซึ่งก่อความเสียหายมากถึง 2.03 ล้านล้านวอน (ประมาณ 14.6 พันล้านดอลลาร์) FATF แสดงความกังวลว่าปัญหานี้อาจลุกลามจนกลายเป็น *ความเสี่ยงระดับโลกต่อห่วงโซ่อุปทานของคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมด*
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของภาคคริปโตยังอยู่ที่การที่ประเทศส่วนใหญ่ยังไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางของ FATF อย่างเคร่งครัด โดยจากการประเมินของ FATF ในจำนวน 138 ประเทศ มีเพียง 40 ประเทศเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐานที่วางไว้ FATF เตือนว่า “สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเทคโนโลยีที่ไร้พรมแดน หากประเทศหนึ่งล้มเหลวในการกำกับดูแล ย่อมส่งผลกระทบต่อทั้งระบบโลก” *ความคิดเห็น:* เป็นคำเตือนที่สะท้อนถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างแท้จริง
FATF ยืนยันว่าจะเดินหน้า *เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุม VASP* อย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันให้ประเทศต่างๆ มีระบบ AML/CFT ที่ถูกต้องตามหลักสากล โดยเน้นการสร้าง *ระบบนิเวศของคริปโตที่โปร่งใส* ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการรับมือกับความเสี่ยงของเทคโนโลยีบล็อกเชนและการเติบโตของการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (DeFi) ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
ความคิดเห็น 0