สภาคองเกรสสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมาย ‘One Big Beautiful Bill Act’ เมื่อวันที่ 3 ซึ่งถือเป็นการออกกฎหมายตามข้อเสนอด้านงบประมาณของประธานาธิบดีทรัมป์ในที่สุด แม้ร่างกฎหมายฉบับนี้จะไม่ส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี แต่ผู้เชี่ยวชาญในตลาดมองว่าอาจส่งผลเชิงบวกต่อบิตคอยน์(BTC)
ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองอย่างเข้มข้น โดยมีสมาชิกพรรครีพับลิกันเพียง 2 คนที่ลงมติไม่เห็นด้วย ในขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตต่างก็แสดงการคัดค้านอย่างรุนแรง เนื่องจากร่างกฎหมายนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ภาครัฐอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก แม้กระทั่งในฝ่ายผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ เช่น อีลอน มัสก์(Elon Musk) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา(TSLA) ก็ยังออกมาตั้งคำถามต่อร่างกฎหมายฉบับนี้
หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ ข้อเสนอแก้ไขกฎหมายด้านภาษีสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสุดท้ายถูกถอดออกจากร่างกฎหมายฉบับสุดท้าย แม้ว่าสมาชิกรัฐสภาหลายคนพยายามผลักดันให้กฎหมายนี้มีเนื้อหาครอบคลุมถึงคริปโตเคอร์เรนซี แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ผลที่ตามมาคือ อุตสาหกรรมคริปโตยังคงต้องใช้ระบบบัญชีและการจัดเก็บภาษีตามกฎหมายเดิมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังของตลาดต่อบิตคอยน์ยังคงเพิ่มขึ้น แม้จะไม่มีมาตรการผ่อนคลายด้านกฎระเบียบหรือสิทธิประโยชน์ทางภาษีใหม่ แต่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในอนาคตที่อาจเกิดจากการเพิ่มหนี้ของรัฐบาล สร้างแรงจูงใจให้เกิดความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น บิตคอยน์ ตามมุมมองของผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง “หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ อาจบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเงินดอลลาร์ และนั่นย่อมเพิ่มเสน่ห์ของสินทรัพย์ทางเลือก เช่น บิตคอยน์”
แม้ร่างกฎหมายของทรัมป์ครั้งนี้จะไม่ได้สร้างประโยชน์โดยตรงให้กับอุตสาหกรรมคริปโต แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจระดับมหภาคที่เกิดขึ้น อาจยังคงเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ที่ถูกมองว่า ‘ปลอดภัย’ ในช่วงเวลาที่โลกเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการคลัง
ความคิดเห็น 0