รัฐบาลฮ่องกงเตรียมเปิดตัวระบบอนุญาตอย่างเป็นทางการสำหรับผู้ออกเหรียญ ‘สเตเบิลคอยน์’ เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ท่ามกลางการตอบรับจากบริษัทนานาชาติที่เร่งแข่งขันกันเพื่อขอใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ หลังจาก ‘กฎระเบียบสเตเบิลคอยน์’ ได้รับการอนุมัติจากสภานิติบัญญัติฮ่องกงเมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางฮ่องกง(HKMA) ได้ประกาศว่าขณะนี้มีบริษัทมากกว่า 40 แห่งที่แสดงความสนใจจะสมัครเข้าร่วมระบบดังกล่าว โดยมีชื่อบริษัทใหญ่อย่าง JDคอยน์เชน, สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด, แอนต์อินเตอร์เนชันแนล และเซอร์เคิล อินโนเวชัน เทคโนโลยี รวมอยู่ด้วย
มาตรการใหม่นี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญของฮ่องกงในการยกระดับสู่การเป็น ‘ศูนย์กลางนานาชาติด้านบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล’ โดยเปิดกว้างให้บริษัทจากทั่วโลกสามารถยื่นขอใบอนุญาตได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นการแข่งขันระหว่างผู้เล่นระดับโลกให้รุนแรงขึ้น ตัวอย่างเช่น สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนร่วมกับแอนิโมกา แบรนด์ และ HKT เพื่อยื่นขอใบอนุญาตกับ HKMA ขณะที่ JDคอยน์เชนดำเนินโครงการบนบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ และแอนต์อินเตอร์เนชันแนลก็เตรียมใช้งานเทคโนโลยีสเตเบิลคอยน์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของระบบชำระเงินระหว่างประเทศ ส่วนเซอร์เคิล อินโนเวชัน องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านเทคโนโลยีก็ยืนยันการเข้าร่วมกระบวนการขอใบอนุญาตเช่นกัน
ธนาคารกลางฮ่องกงย้ำว่า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป ทุกผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับสกุลเงินที่ออกโดยรัฐ จะต้องได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก HKMA โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขด้านเงินสำรอง ความสามารถในการซื้อคืน และข้อกำหนดการต่อต้านการฟอกเงิน(AML) อย่างเคร่งครัด
เงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตดังกล่าวรวมถึงทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 25 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 45 ล้านบาท), การจัดตั้งสำนักงานจริงในฮ่องกง, ระบบบริหารจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด, ระบบรายงานที่มีความโปร่งใส และมาตรฐานความปลอดภัยของระบบ ซึ่งสะท้อนถึงการวางรากฐานตาม ‘มาตรฐานระดับสากล’ มากกว่าการเป็นเพียงระบบอนุญาตทั่วไป
ด้วยนโยบายนี้ ฮ่องกงคาดว่าจะสามารถสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีกรอบกฎหมายชัดเจน พร้อมเพิ่มการคุ้มครองนักลงทุน และฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาด ผู้เชี่ยวชาญให้ ‘ความคิดเห็น’ ว่าก้าวย่างของฮ่องกงอาจกลายเป็นแม่แบบให้กับแนวทางการกำกับดูแลของประเทศอื่น ๆ รวมถึงเกาหลีใต้ ที่เผชิญกับดีมานด์จากสถาบันการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น 0