ราคา *ริปเปิล(XRP)* ส่งสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น หลังจากเกิดรูปแบบ ‘โกลเดน ครอส’ (Golden Cross) ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณทางเทคนิคสำคัญที่นักวิเคราะห์จำนวนมากใช้เพื่อคาดการณ์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยเมื่อวันที่ 9 เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 9 วันได้ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 21 วัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชี้ว่า *XRP* อาจเข้าสู่ระยะของแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางถึงยาว
ขณะนี้ *XRP* มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 2.43 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3,378 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 3.79% ซึ่งถือว่ายืนเหนือเส้นแนวรับสำคัญที่ 2.40 ดอลลาร์แล้ว พร้อมกับการเข้าใกล้จุดสูงสุดเดิมที่ 2.46 ดอลลาร์ และทดสอบแนวต้านระดับถัดไปที่ 2.50 ดอลลาร์ โดยการเคลื่อนไหวนี้มาพร้อมกับความเคลื่อนไหวของปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นแรงถึง 87.82% ภายในวันเดียว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 56.6 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.8 ล้านล้านบาท สะท้อนถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน
ปัจจัยทางเทคนิคยังคงหนุนการมองว่าแนวโน้มราคาจะเดินหน้าในลักษณะขาขึ้น โดยดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 65.46 ซึ่งยังไม่เข้าสู่โซนร้อนแรงแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าฝั่ง ‘ซื้อ’ ยังมีแรงเหนือกว่า ในตลาดมีมุมมองเชิงบวกว่า หาก *XRP* สามารถทะลุระดับแนวต้านถัดไปที่ 2.65 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,684 บาท) ได้สำเร็จ ก็อาจมีโอกาสไต่ไปยังระดับ *ราคาเป้าหมายทางจิตวิทยาที่ 3 ดอลลาร์ (ราว 4,170 บาท)*
ระดับความสนใจจาก *นักลงทุนสถาบัน* ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งสัญญาณบวกต่อแนวโน้มของ XRP โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของ *นักลงทุนรายใหญ่* หรือที่รู้จักกันในชื่อ "วาฬ" ซึ่งสะท้อนถึงการสะสมสินทรัพย์และความคาดหวังว่า XRP อาจท้าทายระดับราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ราคาบริเวณประมาณ 3 ดอลลาร์ เคยมีแรงขายมหาศาลเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งอาจกลายเป็นกำแพงแนวต้านสำคัญ ดังนั้นการจะผ่านแนวนั้นได้จำเป็นต้องอาศัย *ความอดทนของนักลงทุนระยะกลางถึงยาว* และ *การไหลเข้าของสภาพคล่องใหม่*
ในเวลาเดียวกัน ความคาดหวังเรื่อง *การเปิดตัวกองทุน ETF สำหรับ XRP* กำลังถูกพูดถึงในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะภายหลังมีรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) ได้เริ่มหารือเรื่องการยุติคดีความกับบริษัทริเพิล หากบทสรุปออกมาเป็นบวกต่อบริษัท อาจปูทางสู่การอนุมัติ XRP ETF ในอนาคตอันใกล้
โดยสรุป แนวโน้มของ *XRP* ในระยะต่อไปจะขึ้นอยู่กับสองปัจจัยหลัก ได้แก่ *ทิศทางของปัจจัยทางเทคนิค* และ *ความคืบหน้าในการยุติความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ* รวมถึง *การเข้าซื้อจากสถาบัน* อย่างไรก็ตาม ความระมัดระวังยังจำเป็น เนื่องจากการทดสอบระดับสำคัญที่ 3 ดอลลาร์จะต้องอาศัยทั้ง ‘แรงหนุนจากข่าวดี’ และ ‘กระแสเงินทุนจากนักลงทุน’ อย่างต่อเนื่องเพื่อยืนยันการกลับตัวในระยะยาว
ความคิดเห็น 0