ปริศนาเกี่ยวกับตัวตนของ ‘ซาโตชิ นากาโมโตะ’ ผู้สร้างบิตคอยน์(BTC) กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังจากรูปถ่ายหนึ่งซึ่งโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดียจุดชนวนให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะทฤษฎีที่เชื่อมโยงว่า ซาโตชิคือ ‘ฮัล ฟินนีย์(Hal Finney)’ นักเข้ารหัสข้อมูลผู้ล่วงลับ
ชื่อของฟินนีย์กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในปี 2009 เมื่อเขากลายเป็นบุคคลแรกที่ได้รับบิตคอยน์จากซาโตชิระหว่างช่วงทดสอบระบบครั้งแรก ความใกล้ชิดในช่วงเวลาดังกล่าวสร้างข้อสงสัยในหมู่ชุมชนมาโดยตลอด และภาพถ่ายซึ่งเพิ่งถูกเปิดเผยนี้ได้เติมเชื้อลงในกองไฟสมมุติฐานอย่างสมบูรณ์แบบ โดยโพสต์ดังกล่าวมียอดเข้าชมทะลุ 1 ล้านครั้งภายในวันเดียว สะท้อนให้เห็นว่า ความสงสัยเรื่องตัวตนของซาโตชิยังคงไม่จางหายไปจากใจของผู้คน
ฟินนีย์ถือเป็นบุคคลสำคัญในวงการเข้ารหัสระดับโลกและเป็นหนึ่งในแกนนำของขบวนการ ‘ไซเฟอร์พังค์(Cypherpunk)’ เขายังมีบทบาทส่วนหนึ่งในการพัฒนา PGP เทคโนโลยีที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัล และมีส่วนร่วมตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของโครงการบิตคอยน์ด้วยการวิเคราะห์โค้ดและให้ข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่อง คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ชื่อของเขามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นซาโตชิ นากาโมโตะ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังอาศัยอยู่ในเมืองพาซาดีนา มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับ ‘โดเรียน นากาโมโตะ’ ชายอีกคนที่เคยถูกระบุผิดว่าเป็นซาโตชิ ความคล้ายคลึงด้านภูมิศาสตร์นี้จึงยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับทฤษฎีนี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฟินนีย์ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาโดยตลอดระหว่างมีชีวิตอยู่ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่า รูปแบบการใช้ภาษาและเวลาออนไลน์ที่พบในโต๊ะข่าวต่าง ๆ ของซาโตชิแตกต่างจากพฤติกรรมของฟินนีย์อย่างชัดเจน โดยหนึ่งในหลักฐานที่ชี้ชัดคือ เวลาการใช้งานอินเทอร์เน็ตของซาโตชิไม่สอดคล้องกับโซนเวลาที่ฟินนีย์พำนักอยู่ ซึ่งนำไปสู่ข้อโต้แย้งในแวดวงวิชาการ
ถึงแม้ฟินนีย์จะเสียชีวิตจากโรค ALS เมื่อปี 2014 แต่ทฤษฎีเกี่ยวกับตัวตนของซาโตชิก็ยังคงไม่หายไปไหน คำถามว่า ‘ใครคือซาโตชิ นากาโมโตะ?’ ยังคงเป็นหนึ่งใน ‘ความลึกลับที่มีอิทธิพลที่สุด’ ในประวัติศาสตร์ของอินเทอร์เน็ต และถือเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์ที่ทำให้บิตคอยน์ได้รับความนิยมจนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพทางการเงินในปัจจุบัน
*ความคิดเห็น*: ปรากฏการณ์ครั้งนี้ยืนยันว่า ความลึกลับของซาโตชิยังไม่จางหาย และในสายตาของหลายคน นี่คือ ‘ตำนานที่ไม่มีวันจบ’ ของบิตคอยน์ ซึ่งนอกจากจะเป็นสกุลเงินดิจิทัล ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคใหม่ของการไม่พึ่งพาระบบเดิมอีกต่อไป
ความคิดเห็น 0