บล็อกเชนเลเยอร์-1 ‘เบราเชน(Berachain)’ มีมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกล็อก (TVL) ทะลุ 3.26 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.7 ล้านล้านวอน) ก้าวขึ้นมาเป็นเครือข่ายที่ใหญ่เป็นลำดับที่หกของระบบนิเวศดิไฟ (DeFi) และสามารถแซงหน้า ‘อาร์บิทรัม(Arbitrum)’ และ ‘เบส(Base)‘ ได้ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของแพลตฟอร์มนี้
จากข้อมูลของ ‘ดิไฟลามา(DeFiLlama)‘ ระบุว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ TVL ของเบราเชนแซงหน้าอาร์บิทรัม (2.9 พันล้านดอลลาร์) และเบส (3.24 พันล้านดอลลาร์) ทำให้เครือข่ายนี้มีส่วนแบ่งที่แข็งแกร่งขึ้นในตลาด ขณะที่โทเค็นประจำเครือข่าย ‘เบรา(BERA)’ กำลังซื้อขายที่ 6.75 ดอลลาร์ มีมูลค่าตลาด 715 ล้านดอลลาร์ และมูลค่าตลาด Fully Diluted Valuation (FDV) สูงถึง 3.3 พันล้านดอลลาร์
เบราเชนใช้กลไกฉันทามติแบบ ‘หลักฐานสภาพคล่อง (Proof-of-Liquidity)‘ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของระบบนิเวศ หนึ่งในโปรโตคอลหลักอย่าง ‘อินฟราเรด ไฟแนนซ์(Infrared Finance)‘ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสเตกกิ้ง มี TVL สูงถึง 1.52 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นโปรโตคอลที่ใหญ่ที่สุดในเครือข่าย ขณะที่ ‘โคเดียก(Kodiak)‘ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และ ‘คอนกรีต(Concrete)‘ บริการ Yield Farming มี TVL อยู่ที่ 1.12 พันล้านและ 800 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ
ในมุมมองของตลาดดิไฟโดยรวม ‘อีเธอเรียม(ETH)’ ยังคงเป็นผู้นำด้วย TVL 58 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 53.4% ของตลาด ขณะที่ ‘โซลานา(SOL)’ มี TVL 8 พันล้านดอลลาร์ ครองส่วนแบ่งตลาด 7.45% และอยู่ในอันดับสอง
เกี่ยวกับการเติบโตของเบราเชน ‘แวนซ์ สเปนเซอร์(Vance Spencer)‘ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ‘เฟรมเวิร์ค เวนเจอร์ส(Framework Ventures)’ ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วว่า “โมเดลฉันทามติที่ขับเคลื่อนด้วยสภาพคล่องของเบราเชน อาจเป็นรากฐานสำหรับระบบนิเวศบล็อกเชนยุคใหม่” เขาเสริมว่า “การสเตกกิ้งเบราจะนำสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเครือข่าย และกลไกภายในจะช่วยให้ทุกผลตอบแทนสามารถหมุนเวียนภายในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เบราเชนได้ทำการ ‘แอร์ดรอป’ โทเค็นเบราจำนวน 80 ล้านโทเค็น รวมมูลค่า 632 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 910 พันล้านวอน) ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในแอร์ดรอปที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการคริปโต
ความคิดเห็น 0