ราชอาณาจักรภูฏานกำลังได้รับความสนใจจากตลาดอีกครั้ง หลังจากราคาของบิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 123,000 ดอลลาร์ (ราว 4.46 ล้านบาท) โดยรัฐบาลภูฏานได้จำหน่ายบิตคอยน์ 512.84 BTC ภายในระยะเวลาเพียง 4 วัน สร้างรายได้ประมาณ 59.47 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 827 ล้านบาท จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน ลุคออนเชน (Lookonchain) ระบุว่า แม้จะมีการขายต่อเนื่อง แต่จำนวนบิตคอยน์ที่รัฐบาลถือครองอยู่ยังสูงกว่า 11,411 BTC หรือประมาณ 1.81 หมื่นล้านบาท
การจำหน่ายบิตคอยน์ในครั้งนี้ของภูฏานไม่ได้เป็นเพียงการทำกำไรจากราคาสูง แต่สะท้อนถึง *การบริหารการเงินเชิงกลยุทธ์* ที่เน้นความยืดหยุ่นและความมั่นคงในระยะยาว รัฐบาลได้ทยอยขายออกเมื่อตลาดแข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อป้องกันความผันผวนและเสริมเสถียรภาพทางการคลัง – *ความคิดเห็น*: แนวทางนี้ชี้ให้เห็นถึงความเข้าใจลึกซึ้งของรัฐบาลต่อการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในระดับชาติเพื่อผลประโยชน์ระยะยาว
บริษัทลงทุนของรัฐอย่าง ดรัก โฮลดิงส์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ส (Druk Holdings and Investments) เป็นผู้ดำเนินการสะสมบิตคอยน์ผ่านการทำเหมืองโดยอาศัยพลังงานน้ำมาตั้งแต่ปี 2019 กลยุทธ์ ‘กรีน บิตคอยน์’ นี้ ถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ภูฏานแตกต่างจากประเทศอื่นทั้งในแง่ของ *ความยั่งยืนและผลกำไร*
เมื่อเปรียบเทียบนโยบายบิตคอยน์ของแต่ละประเทศจะพบความแตกต่างอย่างชัดเจน เช่น เยอรมนีเร่งขาย 50,000 BTC จนพลาดโอกาสทำกำไรกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่เอลซัลวาดอร์ยังคงยึดมั่นกับการถือครองแบบสุดโต่ง แต่ภูฏานเลือกทางสายกลาง โดยเน้น *การสมดุลระหว่างการถือครอง-ขุด-ขาย* และปัจจุบันยังถือครองประมาณ 12,000 BTC พร้อมกับอะลท์คอยน์บางส่วน เช่น อีเธอเรียม(ETH), ไบแนนซ์คอยน์(BNB) และโพลิกอน(MATIC)
การขายสินทรัพย์ในครั้งนี้ยังถูกมองว่าเป็นความพยายามเพื่อ *เพิ่มสภาพคล่องชั่วคราว* สำหรับนำไปใช้ในงบพัฒนาประเทศ โดยยังคงแนวทางการลงทุนระยะยาวของรัฐเอาไว้แบบไม่เปลี่ยนทิศทาง ถึงแม้จะขายบางส่วนออกมา แต่ก็เป็นการจัดสรร *พอร์ตการลงทุนโดยรวม* อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งให้แง่คิดแก่ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกในการวางนโยบายด้านสินทรัพย์ดิจิทัล
ที่สำคัญ รัฐบาลภูฏานไม่ได้หยุดอยู่แค่การขายบิตคอยน์ แต่ยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง เช่น โครงการร่วมพัฒนากับบริษัทบล็อกเชนจากสิงคโปร์อย่าง บิทเดียร์ (Bitdeer) และการสร้างเมืองดิจิทัลแห่งสติสัมปชัญญะที่เมืองเกเลฟู ซึ่งทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ใน *วิสัยทัศน์ดิจิทัลระยะยาว*
สรุปแล้ว ภูฏานมองเห็นโอกาสจากราคาที่ปรับขึ้น และเลือกใช้จังหวะนี้เพื่อแปลงสินทรัพย์ส่วนหนึ่งเป็นเงินสดโดยยังรักษาการลงทุนระยะยาวไว้ได้ ถือเป็นกลยุทธ์ที่ *เหนือกว่าการขายทั่วไป* และสะท้อนถึงรูปแบบการบริหารสินทรัพย์ดิจิทัลระดับประเทศที่มีความคิดรอบด้าน
ความคิดเห็น 0