สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) กำลังกลายเป็น ‘สวรรค์ใหม่’ ของเหล่าเศรษฐีคริปโตทั่วโลก โดยเฉพาะดูไบและอาบูดาบีที่นำเสนอสิทธิประโยชน์ทางภาษีระดับสูง โครงสร้างพื้นฐานทันสมัย เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และระบบวีซ่าทองคำที่เอื้อให้ชาวต่างชาติอยู่อาศัยระยะยาว สร้างแรงดึงดูดมหาศาลให้กับกลุ่มผู้ถือสินทรัพย์คริปโตระดับสูง
ข้อมูลจาก Henley & Partners บริษัทที่ปรึกษาด้านการย้ายถิ่นฐานทางการเงิน คาดการณ์ว่าเฉพาะในปี 2025 จะมีเศรษฐีใหม่ราว 9,800 ราย พร้อมสินทรัพย์รวมราว 1.36 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 1.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ย้ายถิ่นเข้าสู่ UAE ตัวเลขนี้ถือว่าสูงที่สุดในบรรดาประเทศทั่วโลก
UAE ได้วางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมคริปโตและ Web3 มาหลายปี ทั้งการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีกำไรจากการลงทุน และแม้แต่ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อขายคริปโต จนกลายเป็นนโยบาย ‘ภาษีเป็นศูนย์’ ที่สร้างประโยชน์ตรงไปยังนักลงทุนอย่างชัดเจน
ในแง่ของกฎระเบียบ UAE พยายามสร้างระบบนิเวศที่ยืดหยุ่นและชัดเจนยิ่งขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งดูไบ (VARA) และสำนักงานบริการการเงินแห่งอาบูดาบี (FSRA) ได้จัดตั้งกรอบกฎหมายเฉพาะสำหรับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน ขณะที่รัฐเอมิเรตส์อื่น ๆ เช่น ราสอัลไคมาห์และชาร์จาห์ ก็กำลังวางแผนเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษที่สนับสนุนอุตสาหกรรม Web3 โดยตรง
นอกจากนี้ ดูไบยังมีเขตเศรษฐกิจเสรีอย่าง DMCC, ADGM และ DIFC ที่เอื้อให้บริษัทคริปโตตั้งสำนักงานได้ง่าย พร้อมทั้งโครงข่าย 5G และบริการคลาวด์ที่เอื้อต่อการตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับบรรดานักลงทุนคริปโตที่กำลังมองหาที่อยู่ใหม่ UAE ไม่ใช่แค่จุดหลบภาษีอีกต่อไป แต่คือศูนย์กลางแห่ง ‘อิสรภาพทางเศรษฐกิจ’ ที่ให้พร้อมทั้งความมั่นคง ความสะดวกในการเดินทางทั่วโลก และคุณภาพชีวิตระดับไฮเอนด์
‘ความคิดเห็น’: การเติบโตของ UAE ในฐานะศูนย์กลางคริปโตโลก สะท้อนให้เห็นถึง ‘เจตจำนงทางการเมือง’ ที่ต้องการสนับสนุนอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริง ท่ามกลางแนวโน้มการเข้มงวดด้านกฎระเบียบในสหรัฐและยุโรป ประกอบกับถ้อยแถลงสนับสนุนคริปโตของประธานาธิบดีทรัมป์ ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของ UAE แข็งแกร่งและน่าจับตายิ่งขึ้นในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก
ความคิดเห็น 0