อีเธอเรียม(ETH) กลับมาเป็นจุดสนใจของตลาดคริปโตอีกครั้ง ด้วยราคาที่พุ่งขึ้นถึง 18.5% ภายในสัปดาห์เดียว แซงหน้าผลตอบแทนของบิตคอยน์(BTC) และตามมาด้วยกระแสพูดคุยเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ในอนาคตของเครือข่ายอย่างคึกคัก ขณะที่ นักวิเคราะห์และผู้บริหารในวงการก็เริ่มออกมาแสดงความเห็น หนึ่งในนั้นคือ ฮันเตอร์ ฮอสลีย์(Hunter Horsley) ซีอีโอของบริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดังของสหรัฐอย่างบิทไวส์(Bitwise) ที่กล่าวว่า *“จุดมุ่งหมายของอีเธอเรียมไม่ใช่การมาแทนที่บิตคอยน์ แต่คือการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของเว็บรุ่นเก่าและระบบการเงินแบบเดิม”*
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฮอสลีย์โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือทวิตเตอร์) โดยเน้นว่า อีเธอเรียมไม่ใช่แค่เงินดิจิทัล แต่เป็น *“โครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ของเศรษฐกิจดิจิทัล”* พร้อมย้ำว่า การมองอีเธอเรียมและบิตคอยน์ในฐานะคู่แข่งเป็นแนวคิดล้าสมัย เปรียบเทียบได้กับระบบ iOS ของแอปเปิลที่สามารถรองรับแอปพลิเคชันได้หลากหลาย ซึ่ง *“บล็อกเชนก็ควรเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถรองรับจุดประสงค์และการใช้งานที่ต่างกันได้เช่นเดียวกัน”*
ปัจจุบัน อีเธอเรียมมีบทบาทสำคัญในฐานะรากฐานของบริการอย่างการเงินไร้ศูนย์กลาง (DeFi), สมาร์ตคอนแทรกต์ และการซื้อขายสินทรัพย์โทเคนมูลค่าหลายพันล้านบาท โดย *“โครงสร้างแบบเปิดที่ไม่ต้องอาศัยการอนุญาตจากส่วนกลาง”* ได้กลายเป็นปัจจัยหลักที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม ลดอุปสรรคในการเข้าร่วม และส่งเสริมการเติบโตของแอปพลิเคชันใหม่ๆ
ในด้านเทคโนโลยี การเปิดตัวของ MegaETH ซึ่งเป็นเลเยอร์ 2 รุ่นใหม่ ถูกคาดว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนด้านประสิทธิภาพของอีเธอเรียม โดย *MegaETH สามารถประมวลผลธุรกรรมได้สูงสุดถึง 100,000 รายการต่อวินาที, มีค่าหน่วงเวลาต่ำกว่า 1 มิลลิวินาที และรองรับการทำธุรกรรมมากถึง 1.3 พันล้านครั้งต่อวัน* เทคโนโลยีรองรับเช่น EigenDA ช่วยเพิ่มความพร้อมของข้อมูล ขณะที่โครงสร้างแบบโมดูลาร์ช่วยแยกบทบาทในเครือข่ายได้อย่างชัดเจน แต่ยังคงเปิดให้โหนดทุกประเภทสามารถใช้งานได้แม้จะมีทรัพยากรจำกัด
ด้วยความก้าวหน้าเชิงเทคนิคเหล่านี้ อีเธอเรียมจึงเริ่มถูกมองในมิติใหม่ในฐานะ *โครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตรุ่นถัดไปและระบบการเงินแบบเรียลไทม์* แทนที่จะเป็นเพียงเครื่องมือเก็บมูลค่าเท่านั้น ความสำคัญของ ETH อาจไม่ได้วัดจากมูลค่าตลาดเทียบกับบิตคอยน์อีกต่อไป แต่จะขึ้นอยู่กับว่าอีเธอเรียม *ผสานเข้ากับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลในระดับโลกได้ลึกแค่ไหน*
ในด้านราคา ความคาดหวังต่ออีเธอเรียมยังคงสูงขึ้น ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ตลาดระบุว่า ETH อาจพุ่งแตะระดับ 15,575 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.16 ล้านบาท) ภายในปี 2030 และอาจไต่ระดับสู่ 123,678 ดอลลาร์ (ราว 17.16 ล้านบาท) ภายในปี 2040 ก่อนที่จะทะยานแตะ 255,282 ดอลลาร์ หรือราว 35.98 ล้านบาท ภายในปี 2050
*อีเธอเรียมกำลังเปลี่ยนแปลงรูปแบบของตลาดการเงิน ด้วยวิสัยทัศน์ทางเทคนิคชัดเจนและโครงสร้างการใช้งานที่จับต้องได้* ในระยะยาว การเติบโตของอีเธอเรียมจะไม่ได้ถูกตัดสินด้วยการแซงหน้าทรัพย์สินดิจิทัลใด แต่ด้วยจำนวนปัญหาที่มันสามารถแก้ไขได้จริงในโลกของเศรษฐกิจดิจิทัล
ความคิดเห็น 0