อีเธอเรียม(ETH) อาจพุ่งแตะระดับ *1.5 ล้านดอลลาร์ต่อเหรียญ* หรือราว 52 ล้านบาทในระยะยาว ตามการคาดการณ์ล่าสุดของอีริก แจ็กสัน(Eric Jackson) ผู้ก่อตั้ง EMJ แคปิตอล บริษัทการลงทุนจากแคนาดา โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้แจ็กสันโพสต์ผ่าน X (ชื่อเดิมคือทวิตเตอร์) ว่า *มูลค่าของเครือข่ายอีเธอเรียมยังถูกประเมินต่ำเกินไป* และการพุ่งขึ้นของราคาครั้งต่อไปอาจ *ทำให้ตลาดตะลึงโดยสมบูรณ์*
เขาเชื่อว่าอีเธอเรียมได้กลายเป็น *โครงสร้างพื้นฐานหลักของการซื้อขายในระบบนิเวศคริปโต* อย่างเงียบ ๆ และด้วยโมเดลโทเคโนมิกส์แบบเงินฝืด ทำให้อีเธอเรียมมีรากฐานการเติบโตที่แข็งแกร่ง แจ็กสันยังระบุด้วยว่า *ความเป็นไปได้ที่ ETF จะรวมฟังก์ชันสเตกกิ้ง* และ *การนำบล็อกเชนไปใช้อย่างแพร่หลายในสถาบันการเงินขนาดใหญ่* จะเป็นตัวเร่งสำคัญที่สามารถ *ผลักราคาขึ้นได้มากกว่า 10 เท่า*
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้อนุมัติการเปิดตัว ETF อ้างอิงราคาอีเธอเรียมแบบรายวัน โดยในแวดวงอุตสาหกรรมกำลังคาดการณ์ว่า *อาจมีการอนุมัติ ETF ที่รองรับการสเตกกิ้ง* ในเร็ว ๆ นี้ นักวิเคราะห์หลายรายยังมองว่า ETF ดังกล่าวอาจได้รับการอนุมัติภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม แจ็กสันให้ความเห็นว่า *ETF ของอีเธอเรียมยังไม่ได้นำปัจจัยสำคัญด้านการสเตกกิ้งเข้าสู่การประเมินมูลค่าอย่างเหมาะสม* พร้อมกล่าวว่า “ETF ของอีเธอเรียมมีผลตอบแทนต่ำกว่า ETF ของบิตคอยน์(BTC) อย่างมาก ซึ่งทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิดเกี่ยวกับศักยภาพของมัน”
อ้างอิงข้อมูลจาก CoinGlass ปริมาณการซื้อขายสะสมของ ETF บิตคอยน์ในสหรัฐแตะระดับ *6.9 พันล้านดอลลาร์* หรือกว่า 253,000 ล้านบาท ขณะที่ ETF อีเธอเรียมอยู่ที่เพียง *1.41 พันล้านดอลลาร์* หรือราว 51,900 ล้านบาท
แจ็กสันยังเสริมว่า *แรงส่งที่แท้จริงของอีเธอเรียมยังมาไม่ถึง* และหาก *ETF รองรับการสเตกกิ้งได้ภายในก่อนเดือนตุลาคมนี้* สถานการณ์ในตลาดอาจ *เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง* เขาอธิบายว่า เมื่ออีเธอเรียมสามารถเปลี่ยนสถานะภายในโครงสร้าง ETF ให้เป็น *สินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนจากการสเตกกิ้ง* จะทำให้มันไม่ใช่แค่ “*ดิจิทัลออยล์*” อีกต่อไป แต่นักลงทุนสถาบันจะเริ่มมองว่าเป็น *เครื่องมือสร้างรายได้ระยะยาว*
นอกจากนี้ เขามองว่าเงินทุนจากตลาดการเงินดั้งเดิมที่หลั่งไหลเข้ามา รวมถึงความต้องการสเตกกิ้งที่เพิ่มขึ้นจะลดการหมุนเวียนของอีเธอเรียมในตลาด และยิ่ง *เสริมความแข็งแกร่งให้กับโทเคโนมิกส์ที่เป็นเงินฝืดของอีเธอเรียม* ซึ่งเป็น *ปัจจัยสนับสนุนมูลค่าระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ*
*ความคิดเห็น*: หาก ETF ที่รองรับการสเตกกิ้งได้รับการอนุมัติจริง อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอีเธอเรียมในปีนี้ ทั้งในแง่ราคาตลาดและการยอมรับจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
ความคิดเห็น 0