Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ล้างพอร์ต 46,000 ล้าน! นักลงทุนรายใหญ่พ่ายบิตคอยน์(BTC)พุ่งไม่หยุด ขาดทุนยับภายใน 3 ชั่วโมง

ล้างพอร์ต 46,000 ล้าน! นักลงทุนรายใหญ่พ่ายบิตคอยน์(BTC)พุ่งไม่หยุด ขาดทุนยับภายใน 3 ชั่วโมง / Tokenpost

บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 123,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนรายหนึ่งขาดทุนกว่า 46,430 ล้านบาท (334 ล้านดอลลาร์) ภายในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างมหาศาลในหมู่นักลงทุน โดยเฉพาะการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน X บัญชี @qwatio ซึ่งถูกติดตามผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลที่อยู่ 0x916E จากข้อมูลของแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชนอย่าง Lookonchain

ตามรายงานของ Lookonchain ผู้ใช้งานรายนี้ได้ทำ ‘การขายชอร์ต’ หรือเทรดขาลงในสินทรัพย์อย่างบิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) และเหรียญมีม FARTCOIN ด้วยระดับเลเวอเรจสูงมาก แต่มูลค่าของคริปโตเหล่านี้กลับพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานะส่วนใหญ่ของเขาถูก ‘บังคับปิดสัญญา’ (Forced Liquidation)

ความเสียหายเริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน โดยเขาขาดทุนไปราว 2,260 ล้านบาท (16.28 ล้านดอลลาร์) และพยายาม ‘ทบทุน’ ด้วยการเพิ่มอีกกว่า 1,390 ล้านบาท (10 ล้านดอลลาร์) เพื่อเปิดสถานะชอร์ตใหม่ ในครั้งนี้ เขาลงทุน 12,730 BTC มูลค่ารวมราว 20,850 ล้านบาท (150 ล้านดอลลาร์) ด้วยเลเวอเรจ 40 เท่า และ ETH จำนวน 33,743 เหรียญ มูลค่า 13,880 ล้านบาท (99.8 ล้านดอลลาร์) ด้วยเลเวอเรจ 25 เท่า อย่างไรก็ตาม บิตคอยน์ยังคงพุ่งไม่หยุด ส่งผลให้ทรัพย์สินของเขาถูกเคลียร์ออกจากตลาด

ในวันเดียวกัน เขาถูกล้างพอร์ตสินทรัพย์หลักได้แก่ BTC 458 เหรียญ (ราว 7,650 ล้านบาท), ETH 12,147 เหรียญ (ราว 5,080 ล้านบาท), และ FARTCOIN อีก 5.4 ล้านเหรียญ (ราว 1,020 ล้านบาท)

แม้เขาจะพยายามเข้าสู่ตลาดอีกครั้งในความพยายามครั้งสุดท้าย แต่ก็ล้มเหลวเช่นกัน เขาถูกบังคับขายออกทั้งหมด รวมถึง BTC 1,743 เหรียญ (ราว 29,330 ล้านบาท), ETH 33,743 เหรียญ (ราว 14,190 ล้านบาท), และ FARTCOIN อีก 15 ล้านเหรียญ (ราว 2,870 ล้านบาท) ผลคือ ‘มูลค่าความเสียหายรวมสะสม’ มากถึง 35,940 ล้านบาท (258.4 ล้านดอลลาร์)

เหตุการณ์นี้สะท้อนภาพความรุนแรงของการเคลียร์สถานะในตลาดคริปโตซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 73,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 111,540 ล้านบาท) ในช่วงที่บิตคอยน์ทะยานขึ้นกว่า 15% ตลอดสัปดาห์ หนึ่งในเหยื่อคือกองทุนเฮดจ์ฟันด์อับราซาซ เคปิตอล ซึ่งขาดทุนถึง 14,870 ล้านบาท (107 ล้านดอลลาร์) จากการตั้งสถานะชอร์ต BTC, ETH และโซลานา(SOL) ผ่านแพลตฟอร์ม Hyperliquid

ในอีกด้าน นักลงทุนบางรายกลับฉวยจังหวะได้อย่างแม่นยำ โดยเทรดเดอร์นามแฝง ‘AguilaTrades’ พลิกสถานการณ์จากที่เคยขาดทุน 4,870 ล้านบาท (35 ล้านดอลลาร์) สู่การทำกำไร 320 ล้านบาท (2.3 ล้านดอลลาร์) ด้วยการเปิดสถานะซื้อบิตคอยน์จำนวน 3,000 เหรียญได้อย่างแม่นยำ

ความคิดเห็นของ มาร์ซิน คาซิเมียร์แช็ก(Marcin Kazmierczak) ประธานฝ่ายปฏิบัติการของเรดสโตน(Redstone) ระบุว่า การพุ่งขึ้นของบิตคอยน์ครั้งนี้เกิดจากปัจจัยผสมผสานระหว่างนโยบาย ‘ผู้นำสหรัฐ’ โดย *ทรัมป์* ซึ่งประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปและเม็กซิโก 30% และกระแสเงินลงทุนจากสถาบันที่ไหลเข้า ETF

ผลพวงจากราคาบิตคอยน์ที่ทะยาน ส่งให้อีเธอเรียม(ETH) ฟื้นกลับมายืนเหนือ 3,000 ดอลลาร์ (ราว 417,000 บาท) ด้านริปเปิล(XRP) ก็ใกล้แตะระดับ 3 ดอลลาร์ (ราว 417 บาท) ขณะที่มูลค่าตลาดรวมของคริปโตเคอร์เรนซีทะลุ ‘3.9 ล้านล้านดอลลาร์’ (ประมาณ 5,421 ล้านล้านบาท) ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1