ราคา *บิตคอยน์(BTC)* ร่วงแรงอีกครั้ง สร้างความตึงเครียดให้กับตลาดคริปโต โดยปัจจัยหลักมาจากการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ของกระเป๋าเงินวาฬที่มีมาตั้งแต่ยุค *ซาโตชิ* ประกอบกับการถูก *ชำระบัญชีตำแหน่งล่วงหน้า* มูลค่าหลายพันล้านบาทในตลาดอนุพันธ์ ส่งผลให้แรงขายทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 15 (เวลาสากล UTC) ราคาบิตคอยน์ดิ่งลงเกือบ 6% ภายในเวลาอันสั้น แตะระดับ 116,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.29 ล้านบาท) ทั้งที่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้ายังซื้อขายอยู่เหนือ 123,000 ดอลลาร์ ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นหลังจากพบว่ามีกระเป๋าเงินวาฬที่หลับใหลมานาน เคลื่อนไหว *บิตคอยน์จำนวน 17,000 BTC* คิดเป็นมูลค่าราว 84,000 ล้านบาท
ข้อมูลจาก Lookonchain เผยว่า กระเป๋าเงินดังกล่าวได้โอน *9,000 BTC* ไปยังกาแล็กซี ดิจิทัล และตามด้วยอีก *7,843 BTC* ภายในไม่กี่นาที หลังจากนั้นมีการตรวจพบว่ากาแล็กซี ดิจิทัลได้ส่ง *BTC มูลค่ากว่า 2.36 พันล้านดอลลาร์* เข้าสู่กระดานเทรดรายใหญ่ เช่น ไบแนนซ์และบายบิท ทำให้ตลาดตื่นตัวว่ามีความเป็นไปได้ในการ *แปลงเป็นเงินสดจริง*
ความตื่นตระหนกนี้ส่งผลให้เกิดการชำระบัญชีทันที จากข้อมูลของ CoinGlass ภายในเวลา 4 ชั่วโมง มี *การชำระบัญชีตำแหน่ง Long คิดเป็นมูลค่า 4 ร้อยล้านดอลลาร์* หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท เทรดเดอร์จำนวนมากประสบกับการขาดทุนอย่างหนักและบางส่วนหันไปเปิดตำแหน่ง Short เพื่อลดความเสี่ยงในภาวะขาลง
แรงขายจากบิตคอยน์ยังลุกลามไปทั่วตลาด โดย *อีเธอเรียม(ETH)* ร่วง 1.4%, *ริปเปิล(XRP)* และ *โซลานา(SOL)* ลดลงราว 2% ส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโตรวมลดลงกว่า 3.2% ภายในวันเดียว ซึ่งถือเป็นการปรับฐานแรงที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์
นักวิเคราะห์มองว่านี่อาจเป็นสัญญาณของจุดสูงสุดระยะสั้น โดย CryptoQuant ชี้ว่า บิตคอยน์ไม่สามารถยืนเหนือระดับแนวต้านสำคัญได้ หากแรงขายยังคงดำเนินต่อไป มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับลงไปยังระดับ *112,000 ดอลลาร์* หรือแม้แต่ *108,000 ดอลลาร์* ตามลำดับ
นอกจากนั้น หลากหลายปัจจัยจากฝั่งมหภาคยังคงสร้างความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นท่าทีเกี่ยวกับ *กฎระเบียบจากวอชิงตัน* หรือความคลุมเครือในแนวทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ *ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)* โดยบางรายวิเคราะห์ว่าการขายครั้งนี้ อาจเป็นการ *ทำกำไรล่วงหน้า* ก่อนการประกาศตัวเลขดัชนี CPI ของสหรัฐที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นพ้องว่า ทิศทางในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเป็นตัวชี้ว่าแรงเทขายรอบนี้จะเข้าสู่ *การปรับฐานในระยะยาว* หรือเป็นเพียง *จังหวะพักตัวเพื่อสะสมพลังขึ้นต่อ* ซึ่งความสนใจทั้งหมดกำลังพุ่งไปยังวาฬเจ้าของกระเป๋าเงิน ที่คาดว่ายังถืออยู่อีก *80,000 BTC* และอาจทำให้ตลาดสะเทือนอีกครั้ง
สรุปปัจจัยหลักที่เป็นเหตุให้ *บิตคอยน์ร่วงหนัก* ในรอบนี้มีดังนี้:
- การเคลื่อนย้าย *17,000 BTC* จากกระเป๋าวาฬยุคซาโตชิอย่างกะทันหัน
- การโยกเหรียญเข้าสู่กาแล็กซี ดิจิทัล ก่อนกระจายไปยังกระดานเทรดรายใหญ่
- การถูก *ชำระบัญชีตำแหน่ง Long* มูลค่ารวมกว่า *4 ร้อยล้านดอลลาร์*
- การทรุดตัวของ *จิตวิทยาการลงทุน* และปรากฏการณ์ขายต่อเนื่องทั่วตลาด
ตลาดคริปโตในตอนนี้กลายเป็นสนามที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทุกสายตาต่างจับจ้องว่าราคาบิตคอยน์จะมุ่งหน้าไปทางใดในช่วงเวลาที่คนทั้งวงการกำลังกลั้นหายใจรอดูผลลัพธ์ครั้งนี้
ความคิดเห็น 0