บิตคอยน์(BTC) กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังผ่านช่วงปรับฐานระยะสั้นภายหลังจากที่ทำสถิติ ‘ราคาสูงสุดตลอดกาล’ ไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยเมื่อวันที่ 16 (เวลาท้องถิ่น) ราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ *119,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.65 ล้านบาท)* ขณะที่เพียงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ บิตคอยน์สามารถทะลุระดับ *123,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.71 ล้านบาท)* ได้สำเร็จ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจพุ่งต่อไปถึงระดับ *140,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.95 ล้านบาท)*
จากการวิเคราะห์กราฟรายวัน บิตคอยน์ได้ทะลุรูปแบบ *“ธงกระทิง” (Bull Flag)* ขนาดใหญ่ที่สร้างตัวมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นำไปสู่การเร่งตัวของราคาจากบริเวณ *75,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.04 ล้านบาท)* สู่ระดับเหนือ *108,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.5 ล้านบาท)* และไต่ต่อเนื่องทะลุ *114,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.58 ล้านบาท)* จนถึงจุดสูงสุดที่ *123,000 ดอลลาร์สหรัฐ* ปัจจุบัน ราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่ใต้เส้นกึ่งกลางของ ‘ช่องทางขาขึ้น’ ซึ่ง *ความคิดเห็น* ของนักวิเคราะห์มองว่า บิตคอยน์ยังมีโอกาสวิ่งต่อถึง *140,000 ดอลลาร์สหรัฐ*
ปัจจัยสนับสนุนหนึ่งคือ สัญญาณที่แข็งแกร่งจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ โดยบิตคอยน์ยังคงยืนเหนือเส้น *ค่าเฉลี่ย 100 และ 200 วัน* ได้อย่างมั่นคง ซึ่งกำลังก่อตัวเป็นรูปโค้งขาขึ้น บ่งชี้การสนับสนุนระยะยาว หากเกิดการย่อตัว มีแนวโน้มว่าแนวรับที่บริเวณ *ช่วงต้นของ 110,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.52 ล้านบาท)* จะทำหน้าที่หนุนราคาต่อไป
ในมุมมองระยะสั้นจากกราฟ 4 ชั่วโมง แถบราคา *118,000–119,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.64–1.65 ล้านบาท)* กลายเป็นแนวต้านที่แรง โดยเฉพาะเมื่อ *ดัชนี RSI* ปรับลดลงมาอยู่บริเวณ 58 จุด แสดงให้เห็นถึงการคลายตัวของแรงซื้อมากเกินไป และอาจสะท้อนถึงแรงขายทำกำไรในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม บริเวณด้านล่างยังคงมีแรงซื้อล้นหลาม โดยนักลงทุนกำลังจับตาแถบราคาที่เรียกว่า ‘*Fair Value Gap*’ อยู่ที่ *111,000–114,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.54–1.58 ล้านบาท)* ซึ่ง *ความคิดเห็น* จากหลายฝ่ายชี้ว่า หากเกิดรูปแบบดีดกลับในจุดนี้ มีโอกาสสูงที่ราคาจะกลับไปทดสอบระดับ *125,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.73 ล้านบาท)* อีกครั้ง
ด้านข้อมูลจากออนเชนก็ส่งสัญญาณเชิงบวก โดยดัชนี ‘*ความถี่ของการซื้อขายรายย่อยในตลาดบิตคอยน์แบบสปอต*’ บ่งชี้ว่าการเข้าร่วมของนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงระดับที่สื่อถึงภาวะเก็งกำไรเกินพอดี โดยปกติดัชนีนี้เมื่ออยู่ในโซนสีแดง มักนำไปสู่การปรับฐานในระยะสั้น แต่ในตอนนี้ยังถือว่าอยู่ในระดับ ‘ปานกลาง’ ซึ่งอาจหมายถึง ความต่อเนื่องของแรงซื้อ
การที่บิตคอยน์ยังคงดึงดูดแรงซื้อซ้ำหลังจากการทำสถิติสูงสุดนั้น มาจากความหวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ความต้องการจากสถาบันและ ETF ที่แข็งแกร่ง ตลอดจนความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยร่วมที่ผลักดันให้ตลาดจับตาว่า บิตคอยน์จะสามารถ ‘ทะลุ’ แนวต้านสำคัญที่ *140,000 ดอลลาร์สหรัฐ* ได้จริงหรือไม่
ความคิดเห็น 0