เมตะมาส์กเผชิญการโจมตีไซเบอร์พุ่งสูงในปี 2025 ผู้ใช้ถูกขโมยสินทรัพย์เฉลี่ยสูงสุดวันละ 500 ราย
รายงานล่าสุดจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Chainalysis เปิดเผยว่า การโจมตีทางไซเบอร์ที่มุ่งเป้าไปยัง *เมตะมาส์ก(MetaMask)* กระเป๋าคริปโตยอดนิยม กำลังทวีความรุนแรงขึ้นในปี 2025 โดยมีผู้ใช้เฉลี่ยสูงสุดถึง 500 รายที่ถูกขโมยสินทรัพย์รายวันภายในช่วงครึ่งปีแรก
*Chainalysis* ระบุว่า ในช่วงครึ่งปี 2025 เกิดความเสียหายจากการโจรกรรมคริปโตมูลค่ากว่า 2.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.01 ล้านล้านวอน) โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการแฮกระดับใหญ่อย่างกรณี *Bybit* ซึ่งเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังโดยกลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ ก่อให้เกิดมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.09 ล้านล้านวอน) ถือเป็นกรณีโจมตีเดี่ยวที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต
อย่างไรก็ตาม ปัญหาไม่ได้จำกัดเพียงที่แพลตฟอร์มซื้อขายขนาดใหญ่เท่านั้น *Chainalysis* เตือนว่ากลุ่มแฮกเกอร์ได้ขยายเป้าหมายไปยังผู้ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลรายบุคคลอย่างกว้างขวาง ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของปีนี้คือ *เมตะมาส์ก*
ตั้งแต่ปลายปี 2024 เป็นต้นมา การโจมตีเพื่อขโมยสินทรัพย์จากผู้ใช้เมตะมาส์กเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในวันที่ 6 มิถุนายน เพียงวันเดียว มีผู้ใช้งาน 226 รายถูกแฮก ซึ่งเหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของฟีเจอร์ตรวจจับธุรกรรมผิดปกติแบบเรียลไทม์
รายงานวิเคราะห์ว่า กลุ่มผู้ไม่หวังดีได้เจาะลึกช่องโหว่เชิงโครงสร้างในซอฟต์แวร์ของเมตะมาส์ก รวมถึงอาศัยช่องโหว่ใน‘โครงสร้างพื้นฐานภายนอก’อย่างส่วนขยายบนเบราว์เซอร์ที่เป็นอันตรายและแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApp) ปลอม ซึ่งทำให้การแพร่ระบาดของการโจมตียิ่งรุนแรงขึ้น
“นับตั้งแต่ต้นปี 2025 กรณีการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อย่างผิดปกติที่มุ่งเป้าไปยังผู้ใช้เมตะมาส์กได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว” Chainalysis ระบุ พร้อมเสริมว่า “นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินที่ได้รับความนิยมกำลังเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากรไซเบอร์” ทางบริษัทยังเตือนเพิ่มเติมว่า เมื่อคริปโตกลายเป็นกระแสหลัก การโจมตีลักษณะนี้ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ขณะเดียวกัน *ภัยคุกคามไม่ได้จำกัดอยู่แค่โลกออนไลน์* เท่านั้น Chainalysis เน้นย้ำถึงการเพิ่มขึ้นของ ‘การโจมตีแบบบังคับทางกายภาพ’ (wrench attacks) ซึ่งคนร้ายใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่เพื่อบังคับให้ผู้เสียหายเปิดเผยข้อมูลการเข้าถึงกระเป๋าเงิน โดยเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมากจนเกินกว่าจะวัดผลได้จากตัวเลขทางสถิติ
จากข้อมูลพบว่า *ยิ่งราคาของบิตคอยน์(BTC) สูงขึ้นหรือมีแนวโน้มจะพุ่งขึ้น อัตราการเกิดอาชญากรรมลักษณะนี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น* รูปแบบของอาชญากรรมก็มีตั้งแต่การปล้นธรรมดาไปจนถึงการลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย หรือแม้กระทั่งสังหารผู้เสียหาย
แม้เทคโนโลยีกระเป๋าคริปโตและโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยจะพัฒนามากเพียงใด แต่ *เมื่อเป้าหมายกลายเป็นตัวบุคคล ก็ยังมีความเปราะบางอยู่* ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ใช้เพิ่มความระมัดระวังควบคู่ไปกับการผลักดันภาครัฐให้มีกฎระเบียบที่เข้มข้นและส่งเสริมการอบรมความปลอดภัยให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น 0