บริษัทบล็อกเชน BTC ดิจิทัล(BTCT) ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็กของสหรัฐฯ สร้างความฮือฮาในตลาดคริปโตด้วยการประกาศเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญ โดยได้ทำการแปลง ‘บิตคอยน์(BTC)’ ทั้งหมดที่ถือครองเป็น ‘อีเธอเรียม(ETH)’ และวางแผนปรับโครงสร้างระบบปฏิบัติการให้ยึดแนวทาง ‘อีเธอเรียมเป็นศูนย์กลาง’ อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังเพิ่งปิดการระดมทุนรอบใหม่เป็นมูลค่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 83.4 พันล้านวอนเรียบร้อยแล้ว
บริษัทระบุว่า อีเธอเรียมจะถูกใช้เป็นทั้ง ‘สินทรัพย์หลัก’ และ ‘พื้นฐานการดำเนินงาน’ พร้อมเผยว่าได้แปลงบิตคอยน์ที่ถือทั้งหมดเป็นอีเธอเรียมแล้ว และยังเปิดสถานะการลงทุนใหม่เพิ่มเติมอีก 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อถือครอง ETH โดยในอนาคต BTC ดิจิทัลมีแผนที่จะเปลี่ยนสินทรัพย์ที่ไหลเข้ามาทั้งหมดให้เป็นอีเธอเรียม เพื่อสร้าง ‘พูลสินทรัพย์ออนเชน’ ที่มีโครงสร้างเหมาะกับการเติบโตในระยะกลางและระยะยาว
ถัง ซีกวง(Siguang Peng) ซีอีโอของ BTC ดิจิทัล กล่าวย้ำว่าอีเธอเรียมได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งที่สุดในด้าน ‘การเงินไร้ศูนย์กลาง(DeFi)’, ‘โทเคนทรัพย์สินจริง’, และ ‘สมาร์ตคอนแทรกต์แบบขยายได้’
บริษัทตั้งเป้าถือครอง ETH ให้ได้ในระดับหลายสิบล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ โดยสินทรัพย์ที่ได้จะถูกนำไปใช้สร้างรายได้ผ่านทางช่องทางต่างๆ อาทิ การวางเดิมพัน(สเตคกิง), การเข้าร่วมในระบบ DeFi, การลงทุนในโครงการโทเคนทรัพย์สินจริง รวมถึงภาคการพัฒนา ‘สเตเบิลคอยน์’
พร้อมกันนี้ บริษัทยังประกาศเปลี่ยนบทบาทจากกิจการที่เน้น ‘การขุดสินทรัพย์ดิจิทัล’ ไปสู่องค์กรที่มีแบบจำลองธุรกิจบน ‘การผลิตและบริหารสินทรัพย์ดิจิทัล’ โดยมุ่งเน้นการสร้างพูลรายได้จากอีเธอเรียม, พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสเตเบิลคอยน์ และขยายความร่วมมือในระบบนิเวศของอีเธอเรียม ไม่ว่าจะเป็น DeFi, NFT หรือโซลูชันเลเยอร์ 2
“กลยุทธ์ที่ยึดอีเธอเรียมเป็นศูนย์กลาง จะกลายเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างมูลค่าในระยะยาว, กระจายแหล่งรายได้ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เปี่ยมนวัตกรรม” ถัง กล่าวเพิ่มเติม
แม้จะมีประกาศแผนใหญ่ดังกล่าว ราคาหุ้น BTCT ในวันพฤหัสบดีขยับลงเล็กน้อย ปิดที่ 3.44 ดอลลาร์ หรือประมาณ 4,782 วอน
ในด้านราคาสินทรัพย์ อีเธอเรียมทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 6 เดือน โดยทะลุระดับ 3,600 ดอลลาร์ หรือประมาณ 5.004 ล้านวอน ช่วงเช้าวันศุกร์ คิดเป็นการพุ่งขึ้นถึงเกือบ 40% ภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์
นิค ลุค(Nick Ruck) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจาก LVRG Research ให้ ‘ความคิดเห็น’ ว่า นักลงทุนให้ความสนใจต่อกลยุทธ์การใช้บิตคอยน์และอีเธอเรียมเป็นสินทรัพย์สำรองเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังเดินหน้าเพื่อผ่านร่างกฎหมายสนับสนุน DeFi และการเติบโตของสเตเบิลคอยน์
ขณะที่ นิค พัคคริน(Nic Puckrin) ผู้ก่อตั้ง The Coin Bureau มองว่า แนวโน้มขาลึกของอีเธอเรียมกำลังเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และอาจนำไปสู่การฟื้นตัวครั้งใหญ่ โดยยก ‘ความคิดเห็น’ ว่า ความเป็นไปได้ในการผ่าน “ร่างกฎหมาย CLARITY และ GENIUS” ของสหรัฐฯ กำลังเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น
นอกจาก BTC ดิจิทัล ยังมีบริษัทอื่นที่เริ่มเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนการถือครองอีเธอเรียมในฐานะสินทรัพย์สำรอง อาทิ บริษัทเกม SharpLink ของ โจ ลูบิน(Joe Lubin), BitMine ของ ทอม ลี(Tom Lee), Bit Digital และบริษัทโซลูชันบล็อกเชน ConsenSys Solutions ที่ต่างก็ให้ความสำคัญกับแนวทาง ‘อีเธอเรียมเป็นศูนย์กลาง’ มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0