อีเธอเรียม(ETH) กำลังเป็นผู้นำในช่วงขาขึ้นของตลาดอัลต์คอยน์อีกครั้ง หลังราคาพุ่งขึ้นกว่า *24% ภายใน 1 สัปดาห์* แซงหน้าบิตคอยน์(BTC) และโซลานา(SOL) ขึ้นมาเป็นจุดศูนย์กลางของกระแสความสนใจอีกครั้ง โดยนักวิเคราะห์มองว่าการทะยานขึ้นนี้เป็น ‘สัญญาณเริ่มต้น’ ของ *ฤดูอัลต์คอยน์* ที่อาจบังเกิดในปี 2025 กระแสนี้ยังส่งผลให้ *ETF ของอีเธอเรียมดึงดูดเงินทุนจากสถาบันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด*
ตามข้อมูลล่าสุด มีเงินทุนไหลเข้าสู่ ETF ของอีเธอเรียมมากถึง *73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,015 ล้านบาท)* ในช่วงสัปดาห์เดียว และเพียงแค่วันเดียว แบล็คร็อก(BlackRock) ก็ทุ่มเพิ่มอีก *300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,170 ล้านบาท)* นอกจากนั้น มูลค่าการถือครองสัญญาฟิวเจอร์สของอีเธอเรียมยังเพิ่มขึ้นแตะ *ระดับสูงสุดตลอดกาล* ที่ *45,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.25 ล้านล้านบาท)* ท่ามกลางแรงซื้อจากกลุ่มทุนวอลล์สตรีท ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางรายเริ่มประเมินว่า ETH มีโอกาสพุ่งถึง *30,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.17 ล้านบาท)* ในระยะยาว
เมื่อราคาของอีเธอเรียมวิ่งต่อเนื่อง นักลงทุนจำนวนมากจึงเริ่มแสวงหา *อัลต์คอยน์ที่มีศักยภาพเติบโต 10 เท่า* ภายใต้ระบบนิเวศของอีเธอเรียม โดยเฉพาะ โครงการที่กำลังมาแรงอย่าง *ออนโดไฟแนนซ์(Ondo Finance), เพนเดิล(Pendle) และเปเป้(PEPE)* ซึ่งล้วนโดดเด่นด้วยแนวคิดเฉพาะและการเติบโตที่รวดเร็ว
ออนโดไฟแนนซ์ เป็นโครงการสินทรัพย์จริง (RWA) ที่นำ *สินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิม* เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และหุ้นสหรัฐฯ มา *โทเคนไนซ์* บนบล็อกเชน ถือเป็นสะพานสำคัญเชื่อมโลกการเงินแบบดั้งเดิม(TradFi) กับการเงินแบบกระจายศูนย์(DeFi) ปัจจุบันออนโดบริหารจัดการสินทรัพย์มากถึง *1.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.94 แสนล้านบาท)* และยังจับมือกับสถาบันการเงินขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็น แบล็คร็อก, ซิตี้กรุ๊ป และ เจพีมอร์แกน เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับโครงการ
ด้านเพนเดิล คือแพลตฟอร์ม ‘โปรโตคอลตราสารโครงสร้าง’ ซึ่งแยกผลตอบแทนจากการสเตกเหรียญอย่างอีเธอเรียมออกมาให้สามารถซื้อขายได้อย่างอิสระ โดยในช่วงต้นปี 2024 สินทรัพย์ที่ฝากอยู่ในระบบหรือ TVL อยู่ที่เพียง *233 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,239 ล้านบาท)* แต่ล่าสุดได้พุ่งทะลุ *5.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.37 แสนล้านบาท)* ไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังได้เข้าระดมทุนผ่านการขึ้นทะเบียนใน *Coinbase* และเชื่อมต่อตัวเองเข้ากับเครือข่าย L2 ของอีเธอเรียม ทำให้แนวโน้มการเติบโตในระยะต่อไปน่าจับตามากยิ่งขึ้น
ขณะที่ เปเป้ เป็นมีมคอยน์ที่เคยถูกมองข้าม แต่ในตลาดปัจจุบันกลับกลายเป็นสินทรัพย์ที่มี *สภาพคล่องสูงและปริมาณการซื้อขายหนาแน่น* ท่ามกลางกระแส ETH ขาขึ้นทุกครั้ง *เปเป้มักจะทำผลงานดีเกินคาด* และรอบนี้ก็ดูมีแนวโน้มไม่ต่างกัน
ด้วยกระแส ETF บวกกับการหลั่งไหลเข้ามาของเงินทุนจากสถาบัน ทำให้ *ตลาดอัลต์คอยน์โดยรวมแสดงสัญญาณฟื้นตัวเต็มที่* ออนโดและเพนเดิลที่มีฐานบนสินทรัพย์จริงหรือแพลตฟอร์มสร้างรายได้ และเปเป้ซึ่งเกาะไปกับวัฏจักร ETH ล้วนแล้วแต่กลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจสูงในช่วงนี้ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนว่า *ตอนนี้คือจังหวะสำคัญในการจัดพอร์ตอัลต์คอยน์รุ่นใหม่* โดยมีอีเธอเรียมเป็นแกนกลางของการเติบโตครั้งใหม่
ความคิดเห็น 0