ริปเปิล(Ripple) กำลังถูกจับตามองอีกครั้งหลังปริมาณโทเคนที่ล็อกไว้ในเอสโครว์เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเคยประกาศในปี 2017 ว่าจะนำ ‘เอ็กซ์อาร์พี(XRP)’ จำนวน 55,000 ล้านเหรียญไปล็อกไว้ เพื่อควบคุมปริมาณหมุนเวียนในตลาดและเพิ่มความโปร่งใสในการคาดการณ์อุปทาน ปัจจุบันผ่านมาแล้วกว่า 8 ปี ปริมาณ XRP ที่ยังถูกล็อกอยู่ในเอสโครว์เหลือเพียงประมาณ 36,000 ล้านเหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 181.8 พันล้านวอนตามราคาตลาดล่าสุด
บัญชีผู้ใช้อย่าง XRPวอลเลต ที่มีบทบาทในชุมชน XRP ระบุว่า กำหนดเวลาที่ XRP ทั้งหมดจะไหลเข้าสู่ตลาดนั้น ขึ้นอยู่กับ ‘ความเร็วในการปล่อย’ ของริปเปิล โดยที่ผ่านมา บริษัทใช้กลยุทธ์ปล่อย XRP เฉลี่ยเดือนละ 300 ล้านเหรียญ หากแนวทางนี้ยังดำเนินต่อเนื่อง เอสโครว์จะหมดลงราวปี 2035 อย่างไรก็ตาม หากมีการเร่งอัตราการปล่อยขึ้นเป็นเดือนละ 400 ล้านเหรียญตั้งแต่ปี 2026 และเพิ่มเป็น 600 ล้านเหรียญตั้งแต่ปี 2028 การปล่อยทั้งหมดอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าคือภายในปี 2032
ในทางปฏิบัติ ริปเปิลได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปล่อยโทเคนอย่างเห็นได้ชัด โดยในเดือนกรกฎาคม 2025 มีการปลดล็อก XRP ถึง 1,000 ล้านเหรียญภายในเดือนเดียวแบบไม่ปกติ โดย 700 ล้านเหรียญถูกนำกลับไปล็อกใหม่ ขณะที่อีก 300 ล้านเหรียญถูกปล่อยออกสู่ตลาด เพื่อใช้ในภารกิจต่างๆ ทั้งในด้าน **สภาพคล่องแบบออนดีมานด์**, การเสริมสร้าง ‘โครงสร้างพื้นฐานสำหรับสถาบัน’, และการพัฒนา **ผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ** เช่น ETF เป็นต้น
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ สะท้อนถึงยุทธศาสตร์ของริปเปิลที่ขยับจาก ‘การควบคุมอุปทาน’ ไปสู่ ‘การตอบสนองต่ออุปสงค์จริง’ ในตลาด กล่าวคือ จากเดิมที่บริษัทเน้นวางโรดแมปรูปแบบตายตัว ตอนนี้ทิศทางใหม่คือการใช้ XRP อย่างยืดหยุ่นตาม **ความต้องการของผู้ใช้จริงในระบบนิเวศน์**
แม้ฝั่งริปเปิลจะยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่การปล่อย XRP โดยไม่กลับไปล็อกใหม่ในครั้งนี้ อาจส่งสัญญาณว่า การปล่อยทั้งหมดอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม ซึ่งในสายตาของนักลงทุน XRP บางกลุ่ม มองว่าสถานการณ์นี้ทั้ง ‘น่าคาดหวังและน่าระวัง’ ไปพร้อมกัน
ผลกระทบของ ‘การขยายอุปทาน XRP’ ต่อราคาจะขึ้นอยู่กับแผนการของริปเปิลในอนาคตและปัจจัยด้านความต้องการของตลาด *อย่างไรก็ตาม* สิ่งที่ชัดเจนคือ ริปเปิลไม่ได้ดำเนินนโยบายปล่อยโทเคนในรูปแบบเดิม ๆ อีกต่อไปแล้ว ท่ามกลางกระแสของ **โทเคนโนมิกส์และกลยุทธ์ที่เน้นการใช้งานจริง** นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ XRP อย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0