โดจคอยน์(DOGE) กำลังเผชิญกับ *แนวโน้มขาลง* หลังจากราคาปรับตัวลดลง 6.5% ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มาอยู่ที่ราว 0.247 ดอลลาร์ หรือประมาณ 343 บาท ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะ *ตลาดคริปโตโดยรวมอ่อนแรง* หลังจากกระแสคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐเริ่มเบาบางลง รายงานระบุว่า มีการ *ชำระสถานะ (liquidation)* ถึง 5.08 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 7.05 หมื่นล้านบาท ภายในวันเดียว ส่งผลให้ฝั่ง *นักลงทุนที่ถือสถานะ Long* ขาดทุนอย่างหนัก
การปรับฐานของราคานี้เกิดขึ้นหลังจากที่โดจคอยน์พุ่งขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน จาก *ข่าวลือเกี่ยวกับ ETF* และการที่ *บริษัทเหมือง Bitorigin* ประกาศสะสมโดจคอยน์วงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 6.95 หมื่นล้านบาท ราคาพุ่งแตะ 0.288 ดอลลาร์ หรือประมาณ 400 บาท ก่อนเริ่มอ่อนตัว โดยในขณะนี้ราคากำลัง *ทดสอบแนวรับทางเทคนิคสำคัญ* ที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 แท่งบนกราฟ 4 ชั่วโมง (SMA 50) หากไม่สามารถประคองไว้ได้ อาจไหลลงไปที่ 0.19 ดอลลาร์ หรือ SMA 200 ซึ่งเป็นแนวรับใหญ่ถัดไป
อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อตลาดคือ *การประกาศบังคับใช้กฎหมาย GENIUS Act ของสหรัฐฯ* ซึ่งเป็นกฎหมายที่ระบุขอบเขตของสเตเบิลคอยน์อย่างชัดเจน และถูกมองว่า *เป็นการวางรากฐานด้านกฎระเบียบที่มั่นคง* ต่อสินทรัพย์ดิจิทัล ถึงแม้ผลของกฎหมายนี้จะจุดประกายมุมมองในเชิงบวกต่อระบบ โดยเฉพาะในด้านการสร้างเสถียรภาพ แต่แรงหนุนที่เกิดขึ้นนั้นกลับเป็นเพียง *การรีบาวด์ในระยะสั้น*
นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง ‘อาลี(Ali)’ เปิดเผยว่า หากราคาของโดจคอยน์สามารถยืนเหนือระดับ *0.25 ดอลลาร์ (ประมาณ 348 บาท)* ได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะไต่ขึ้นไปใกล้ *0.36 ดอลลาร์ หรือราว 500 บาท* ในระยะสั้น ความเคลื่อนไหวของราคาจะขึ้นอยู่กับการยืนเหนือระดับแนวรับในช่วงนี้
ประชาคมนักลงทุนกำลังจับตาว่าโดจคอยน์จะสามารถ *ป้องกันเส้นแนวรับทางเทคนิค* ได้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญต่อทิศทางของสินทรัพย์ในระยะถัดไป โดยเฉพาะเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) มีกำหนดประชุมช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ทิศทางของ *ตลาดมีมโทเคน* และโดจคอยน์นับจากนี้ จึงขึ้นอยู่กับ *ความผันผวนของกฎระเบียบ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และอารมณ์ของนักลงทุน* ที่ยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ความคิดเห็น 0