ราคาของอีเธอเรียม(ETH) ที่เพิ่งพุ่งแรงในเดือนที่ผ่านมากว่า 50% และแตะระดับ 3,850 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.35 ล้านบาท) เริ่มชะลอตัวลงมาเคลื่อนไหวแถว 3,630 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.05 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ในวงการคริปโตยังคงเชื่อว่า การปรับฐานในครั้งนี้อาจเป็น *สัญญาณเริ่มต้นของรอบขาขึ้นใหม่* สำหรับอีเธอเรียม โดยปัจจัยภายในตลาดยังบ่งชี้ถึงโอกาสในการฟื้นตัวอีกครั้ง
ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ตลาดอย่าง Santiment การพุ่งขึ้นของปริมาณการซื้อขายของอีเธอเรียมช่วงต้นเดือน พ.ค. สอดคล้องกับอารมณ์ตลาดที่เรียกว่า ‘กลัวพลาดโอกาส’ หรือ *FOMO (Fear of Missing Out)* ซึ่งมักเกิดก่อนราคาจะพักตัว อย่างไรก็ดี หากปริมาณเทรดและความสนใจบนโซเชียลมีเดียปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดสัปดาห์หน้า นั่นอาจกลายเป็น ‘ตัวกระตุ้น’ ให้เกิดการฟื้นตัวเป็นรอบที่สองได้อีกครั้ง
แนวโน้มของธุรกรรมซื้อขายยังน่าจับตา เนื่องจากเมื่อเร็วๆ นี้ ปริมาณซื้อขายอีเธอเรียมในตลาดสปอตแซงหน้าบิตคอยน์(BTC) เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน ETH มีมูลค่าซื้อขายรวมที่ 25.7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 35.7 ล้านล้านบาท) ขณะที่บิตคอยน์อยู่ที่ 24.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 33.9 ล้านล้านบาท) สำหรับมูลค่าการซื้อขายรวมของอัลท์คอยน์ทั้งหมดอยู่ที่ 67.1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 93.2 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม สะท้อนให้เห็นถึงการ *หมุนเวียนของเงินทุนในตลาดคริปโต* ที่เริ่มก่อตัวอีกครั้ง
อีกปัจจัยสำคัญที่หนุนตลาด คือ ‘แรงซื้อ’ จากสถาบันการเงิน โดยครบรอบ 1 ปีของการเปิดตัว ETF อ้างอิงอีเธอเรียมอย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ ปรากฏว่า *ความต้องการจากนักลงทุนสถาบันยังคงแข็งแกร่ง* ETF อีเธอเรียมแบบสปอต 9 รายที่เปิดตัวโดยบริษัทจัดการทุนขนาดใหญ่ อาทิ แบล็คร็อก และฟิเดลิตี้ มียอดเงินไหลเข้าสะสมแล้วกว่า 8.65 พันล้านดอลลาร์ (ราว 12 ล้านล้านบาท) โดยมีแนวโน้มไหลเข้าอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 14 วันติด
นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้นแนสแด็กหลายแห่งก็เริ่มถือครองอีเธอเรียมโดยตรงในฐานะสินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยงทางการเงิน จากข้อมูลของ CoinGecko พบว่า SharpLink Gaming ถืออีเธอเรียมอยู่ 368,007 ETH, Bitmine Immersion Technologies มีอยู่ 300,657 ETH, Coinbase ถือ 137,300 ETH, Bit Digital มี 120,306 ETH, BTCS ถือ 55,788 ETH และ GameSquare ถือ 10,170 ETH
ด้วยปัจจัยทั้งฝั่งนักลงทุนรายย่อยที่เข้าตลาดด้วยความ ‘กลัวพลาดโอกาส’ และฝั่งทุนสถาบันที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดความคาดหวังว่า *อีเธอเรียมอาจเข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบใหม่ในเร็วๆ นี้* โดยสัปดาห์หน้าจะเป็นช่วงชี้ชะตาสำคัญ ซึ่งต้องจับตาทั้งพฤติกรรมการซื้อขายและการเคลื่อนไหวของดัชนีความเชื่อมั่นว่าจะส่งผลต่อทิศทางราคาต่อไปอย่างไร ความผันผวนระดับสูงอาจกลับมาเยือนตลาดได้อีกครั้ง ความคิดเห็น.
ความคิดเห็น 0