ท่ามกลางกระแสการสนับสนุนคริปโตอย่างชัดเจนของ *ทรัมป์* ล่าสุด ไทเลอร์ วิงเคิลวอส ผู้ร่วมก่อตั้งกระดานซื้อขายคริปโต *เจมินี* ได้ออกโรงวิพากษ์ *เจพีมอร์แกน* ว่ากำลังพยายามสกัดกั้นการเข้าถึงระบบธนาคารของบริษัท ซึ่งเขามองว่าเป็นความพยายามผูกขาดข้อมูลเพื่อขัดขวางการเติบโตของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล
วิงเคิลวอสโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของตนโดยระบุว่า *เจพีมอร์แกน กำลังละเลยหลักการ ‘โอเพ่นแบงก์กิ้ง’ ที่คุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค* พร้อมเตือนว่าการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้งานข้อมูลอาจทำให้บริษัทฟินเทคและคริปโตหลายรายเข้าสู่ภาวะล้มละลาย เขาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า หลังแสดงความกังวลต่อกรณีนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน เจพีมอร์แกนได้สั่งระงับกระบวนการลงทะเบียนลูกค้ารายใหม่ของเจมินีชั่วคราว ซึ่งถูกมองว่าเป็นมาตรการตอบโต้อย่างชัดเจนต่อบริษัทที่มีท่าทีสนับสนุนคริปโตอย่างแข็งขัน
ในระดับมหภาค นักวิเคราะห์ชี้ว่าเหตุการณ์นี้สะท้อน *ความขัดแย้งระหว่างแนวคิดสิทธิ์การควบคุมข้อมูลของผู้บริโภค (ข้อมูลการเงิน) กับแนวทางของสถาบันการเงินดั้งเดิม* ที่พยายามรักษาอำนาจผ่านการเก็บค่าบริการ ในขณะที่ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ยังสามารถเชื่อมบัญชีธนาคารเข้ากับแพลตฟอร์มอย่างคอยน์เบสและคราเคนได้ฟรีผ่านแพลตฟอร์มฟินเทคอย่าง Plaid แต่ธนาคารรายใหญ่เริ่มแสดงความต้องการเปลี่ยนแนวทางนี้เป็นการเก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งอาจลดทอนความสะดวกของโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการใช้งานคริปโตอย่างแพร่หลาย
อรชุน เซธี ผู้ร่วมเป็นซีอีโอของคราเคน แสดงความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า หากข้อมูลของผู้ใช้ถูก ‘ผูกขาดเพื่อแสวงหากำไร’ นั่นอาจนำไปสู่การหยุดชะงักของระบบนิเวศทั้งระบบ เขากล่าวว่า การจำกัดนี้คือการคุกคามเสรีภาพของผู้ใช้ที่ควรมีสิทธิ์ควบคุมข้อมูลและสินทรัพย์ของตนเอง
สำหรับ *โอเพ่นแบงก์กิ้ง (Open Banking)* เป็นหลักการที่เปิดให้ผู้บริโภคสามารถแชร์ข้อมูลการเงินกับแอปภายนอกอย่างเสรี แต่ตามที่วิงเคิลวอสกล่าว *เจพีมอร์แกนกำลังใช้ช่องทางกฎหมายเพื่อยับยั้งการบังคับใช้กฎนี้* และมองว่าธนาคารกำลังขัดขวางนวัตกรรมเพื่อรักษาอำนาจผูกขาดของตนในยุคดิจิทัล
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตรงกับ *นโยบายส่งเสริมคริปโตของทรัมป์* ทำให้เรื่องราวยิ่งได้รับความสนใจ วิงเคิลวอสระบุว่า หากสหรัฐฯ ปล่อยให้แนวทางผูกขาดข้อมูลเป็นฝ่ายชนะ อาจนำไปสู่การสูญเสียบทบาทผู้นำในตลาดคริปโตระดับโลก พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำประเทศเข้ามาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน
บนโซเชียลมีเดียก็เสียงแตกกระหึ่ม หลายคนกล่าวว่า *“ธนาคารไม่ต้องการให้ผู้คนควบคุมการเงินของตัวเอง”* และวิจารณ์ระบบการเงินดั้งเดิมว่าเป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพด้านการเงิน ขณะที่ผู้ใช้อีกคนเสนอความเห็นว่า “นี่คือเหตุผลที่บริษัทอย่าง *ริปเปิล(XRP)* ต้องได้รับใบอนุญาตด้านธนาคาร” และการตรวจสอบจากสถาบันราชการในภาคธนาคารไม่ใช่เรื่องใหม่
เมื่อหลายประเทศทั่วโลกเริ่มปรับกฎเกณฑ์ให้เอื้อต่อสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ความกังวลที่ว่าสหรัฐฯ อาจตกขบวนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น วิงเคิลวอสย้ำทิ้งท้ายว่า “เราจะไม่ถอยให้กับพฤติกรรมเห็นแก่ตัว เช่นนี้ และ *นวัตกรรมทางการเงินไม่มีวันหยุดนิ่ง*”
ความคิดเห็น 0