หลังจากราคาของริปเปิล(XRP) พุ่งแตะจุดสูงสุดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันดูเหมือนว่าเหรียญกำลังพักฐานเพื่อสะสมแรงอีกครั้ง โดยสัญญาณจาก *ตัวชี้วัดทางเทคนิคอย่าง Bollinger Bands* เริ่มส่งสัญญาณในเชิงบวก ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการกลับเข้าสู่ภาวะขาขึ้นแบบยั่งยืนในระยะถัดไป
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า XRP กำลังซื้อขายอยู่บริเวณระดับ 3.17 ดอลลาร์ หรือประมาณ 4,406 บาท ซึ่งใกล้กับ ‘เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน’ ซึ่งเป็น *แนวกลางของ Bollinger Bands* โดยเส้นนี้มักถูกใช้เพื่อวิเคราะห์จังหวะของแนวโน้มในระยะสั้น ในสถานการณ์ตลาดขาขึ้น หากราคายังคงยืนเหนือเส้นดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่ง ก็สามารถตีความได้ว่าโมเมนตัมขาขึ้นยังคงอยู่ในเกม นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ *เส้นบนของ Bollinger Bands ไม่ได้หักหัวลง แต่กลับขยายขึ้นไปแตะระดับ 3.79 ดอลลาร์ (ราว 5,264 บาท)* ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า XRP ยังมีศักยภาพในการทดสอบแนวต้านสูงสุดอีกครั้ง
เมื่อวิเคราะห์เชิงโครงสร้างราคา XRP ได้ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 2.30 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,197 บาท) ไปแล้ว โดยมีแรงซื้อจำนวนมากหนุนอยู่เบื้องหลัง แม้จะมีการพักฐานบางช่วง แต่ตลาดก็สามารถดูดซับแรงขายได้อย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งบ่งชี้ถึงฐานราคาที่แข็งแกร่ง
ด้านตัวชี้วัด RSI (Relative Strength Index) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยแตะระดับ 88 ได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 61 ในขณะนี้ แสดงให้เห็นว่า *ภาวะ Overbought ได้ถูกคลายตัวลงแล้ว* ซึ่งเปิดช่องให้มี *โอกาสขยับขึ้นต่อเนื่องจากจุดพักตัว* โดยไม่เจอแรงเทขายในระยะสั้น
สำหรับแนวรับสำคัญที่นักวิเคราะห์หลายรายจับตาคือโซน 3.05–3.10 ดอลลาร์ (ราว 4,241–4,309 บาท) หากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ *แนวโน้มการกลับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดที่ขอบบนของ Bollinger Bands* ก็จะกลับมาเป็นไปได้อีกครั้ง บางเสียงในวงการยังมองว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ *การ Breakout แนวต้านระยะยาวที่กดดันราคา XRP มานานหลายปี*
เมื่อสัญญาณตลาดกระทิงเริ่มชัดเจน และราคายังคงรักษาระดับเหนือแนวรับสำคัญได้ มีความเป็นไปได้ว่า XRP อาจไม่ได้แค่รีบาวด์ระยะสั้น แต่กำลังเข้าสู่ *การเปลี่ยนเทรนด์ในภาพรวมแบบจริงจัง* มีบทวิเคราะห์ระบุด้วยว่าหาก XRP สามารถทะลุผ่านระดับ 3.79 ดอลลาร์ได้จริง นั่นอาจกลายเป็น *ตัวเร่งสำคัญสำหรับขาขึ้นในรอบใหม่* ซึ่งจะชัดเจนมากขึ้นในไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่แท่งเทียนรายวันที่กำลังจะจบลงในตอนนี้ อาจเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ ที่จะกำหนดทิศทางตลาดในรอบต่อไปก็เป็นได้
ความคิดเห็น 0