Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

สหรัฐฯ เริ่มนับคริปโตฯ เป็นหลักฐานขอสินเชื่อบ้าน เปลี่ยนแนวคิด 'ความมั่งคั่ง' ยุคใหม่

สหรัฐฯ เริ่มนับคริปโตฯ เป็นหลักฐานขอสินเชื่อบ้าน เปลี่ยนแนวคิด 'ความมั่งคั่ง' ยุคใหม่ / Tokenpost

สำนักงานการเคหะแห่งชาติของสหรัฐฯ (FHFA) ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญโดยเริ่มต้นนำ ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ มาใช้เป็นหนึ่งในเกณฑ์พิจารณาขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย ผ่านโปรแกรมของแฟนนี เม(Fannie Mae) และเฟรดดี แมค(Freddie Mac) การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการปรับนโยบายด้านการเงิน แต่สะท้อนถึงการที่ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ กำลังได้รับการยอมรับให้เป็น ‘ทรัพย์สินกระแสหลัก’ ในระบบเศรษฐกิจของประเทศ

โดยทั่วไป ผู้ซื้อบ้านในสหรัฐฯ จำเป็นต้องแสดงเอกสารรับรองรายได้ เช่น สลิปเงินเดือนแบบฟอร์ม W-2, รายงานภาษี และคะแนนเครดิต แต่ปัจจุบัน เศรษฐกิจแบบดิจิทัลที่ยึดโยงกับบล็อกเชน, ความโปร่งใสออนเชน และกระเป๋าเงินดิจิทัล กำลังเปลี่ยนเกณฑ์เหล่านี้อย่างรวดเร็ว ล่าสุดแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อย่าง ‘เรดฟิน’ (Redfin) เปิดเผยว่า ในปี 2024 ผู้ซื้อบ้านครั้งแรกถึง 12% ใช้สกุลเงินดิจิทัลในการชำระเงินดาวน์ เพิ่มขึ้นจากเพียง 5% ในปี 2019 มากกว่าสองเท่า

กระแสดังกล่าวไม่ใช่แค่ความนิยมระยะสั้นแต่กำลังกลายเป็น ‘จิตวิญญาณแห่งยุคสมัย’ บล็อกเชนมีข้อได้เปรียบจากความไม่สามารถดัดแปลงแก้ไขได้ ขณะที่สมาร์ตคอนแทรกต์ก็ไม่เสี่ยงต่อการปลอมแปลงเอกสารรายได้อีกต่อไป *คริปโตเคอร์เรนซีจึงไม่ใช่แค่ทรัพย์สินที่ต้องถูกตรวจสอบ แต่เริ่มได้รับการยอมรับให้เป็น ‘ทรัพย์สินโดยตัวของมันเอง’* การตัดสินใจของ FHFA ครั้งนี้ จึงเปลี่ยนคำถามจาก “เราควรเชื่อถือคริปโตหรือไม่” ไปสู่คำประกาศว่า “คริปโตคือความมั่งคั่ง”

แน่นอนว่ามีเสียงคัดค้านจากบางกลุ่ม โดยเฉพาะในประเด็น ‘ความผันผวนสูง’ ของสินทรัพย์อย่างบิตคอยน์(BTC) ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม ‘ความคิดเห็น’ ดังกล่าวอาจมองข้ามต้นตอของวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 ที่ไม่ได้มาจากคริปโต แต่เกิดจากการใช้เลเวอเรจเกินตัว, สินเชื่อซับไพร์ม และระบบเครดิตที่ไม่โปร่งใส ตรงกันข้าม *สินทรัพย์ดิจิทัลมีคุณสมบัติด้านความโปร่งใสและความเป็นอิสระ* ซึ่งอาจช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่าเดิม

ด้วยบริบทนี้ ธนาคารกลางและสถาบันทางการเงินแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถละเลยนักลงทุนในโลกดิจิทัลได้อีกต่อไป นักลงทุนรุ่นใหม่ไม่ได้อาศัยเพียงรายได้จากงานประจำ แต่สามารถสร้างทรัพย์สินผ่านระบบเศรษฐกิจดิจิทัล และในวันนี้ พวกเขากำลังเข้าสู่ *ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ถือว่าอนุรักษนิยมหรือเข้มงวดที่สุด* หน่วยงานกำกับดูแลจึงจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาเฟรมเวิร์กนโยบายให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

‘การเป็นเจ้าของ’ ก็ไม่ได้หมายถึงบ้านที่จับต้องได้เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป *สินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็นรากฐานของสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ* และคะแนนเครดิตในอนาคตอาจประเมินจากข้อมูลออนเชนแทนข้อมูลจากธนาคาร หากนโยบายที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ ต้องการสะท้อนวิถีชีวิตของประชากรยุคใหม่ คริปโตเคอร์เรนซีจะไม่ใช่แค่ความเสี่ยงอีกต่อไป แต่คือ ‘ตัวเร่งปฏิกิริยา’ ที่จะขยายโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้าน

ในระยะสั้น นโยบายนี้จะช่วยเปิดประตูให้ผู้ถือสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเข้าสู่ตลาดที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น แต่ในระยะยาว *นี่คือภาพสะท้อนของการนิยามใหม่คำว่า "ความมั่งคั่ง" และ "ความมั่นคง"* ของสังคมอเมริกัน ปัจจัยด้านสถานที่อยู่อาศัยอาจไม่จำกัดอยู่แค่ ‘ที่ตั้งทางกายภาพ’ อีกต่อไป แต่รวมถึง *โลกออนไลน์, ความเป็นกลาง, และความโปร่งใส*

*คริปโตเคอร์เรนซีไม่ได้เปลี่ยนแค่โลกการเงิน แต่กำลังปฏิรูปแนวคิดเรื่อง “การเข้าถึง” โดยสิ้นเชิง*

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1