Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

วอร์เรนชี้คริปโตคุกคามเศรษฐกิจสหรัฐฯ - 'ซีแซด' โต้กลับ NYSE ไม่ใช่ตัวแทนทั้งระบบ

วอร์เรนชี้คริปโตคุกคามเศรษฐกิจสหรัฐฯ - 'ซีแซด' โต้กลับ NYSE ไม่ใช่ตัวแทนทั้งระบบ / Tokenpost

เอลิซาเบธ วอร์เรน(Sen. Elizabeth Warren) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ออกโรงแสดงจุดยืนแข็งกร้าวอีกครั้ง โดยระบุว่า ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ กำลังคุกคามเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่บีเอ็นบี(CZ) หรือ จางเผิง จ้าว(CZ) อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ไบแนนซ์ ไม่ได้นิ่งเฉย โดยโต้กลับว่า การมองสินทรัพย์ดิจิทัลให้เทียบเท่า ‘ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก(NYSE)’ เป็นแนวคิดที่ล้าสมัย

เมื่อวันที่ 17 บลูมเบิร์กรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ วอร์เรนได้วิจารณ์ร่างกฎหมาย GENIUS และ CLARITY โดยกล่าวว่า เนื้อหาของร่างไม่สามารถปิดช่องทางการคอร์รัปชันของทรัมป์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งไม่มีมาตรการเพียงพอในการป้องกันมิให้ผู้ก่อการร้าย ขบวนการค้ามนุษย์ และเครือข่ายค้ายาเสพติด หันมาใช้สกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้ วอร์เรนยังเตือนว่าร่าง CLARITY เปิดช่องให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอมะซอน และเมตา ออกโทเคนของตัวเองเพื่อหลบหลีกการกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ซึ่งอาจกระทบต่อ *เสถียรภาพของ NYSE*

ในประเด็นนี้ ซีแซดตอบโต้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยโต้ว่า *“ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กไม่ใช่ตัวแทนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งหมด มันเป็นเพียงบริษัทหนึ่งเท่านั้น”* พร้อมเสริมว่า NYSE ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่ม ICE มีมูลค่าตลาดราว 1 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 139 ล้านล้านวอน) ขณะที่ *แอมะซอนมีมูลค่าพุ่งสูงถึง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3,336 ล้านล้านวอน* โดยสรุปคือ “เศรษฐกิจเกิดจากการรวมตัวของทุกบริษัท ไม่ใช่เพียงบริษัทเดียว”

ไม่เพียงเท่านั้น วอร์เรนยังจงใจกระทบกระเทียบธุรกิจคริปโตที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีทรัมป์อีกด้วย โดยในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการธนาคาร วุฒิสภาสหรัฐฯ เธอเรียกสเตเบิลคอยน์ USD1 และเหรียญมีม TRUMP ที่ทรัมป์ผลักดันว่าเป็น *“ทางด่วนสู่การคอร์รัปชันในโลกคริปโต”* และ “เป็นการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อตอบสนองความโลภส่วนตัว” *เธออ้างว่า* ทรัมป์ได้รายงานรายได้จากบริษัทที่ออกเหรียญ USD1 คือ เวิลด์ลิเบอร์ตีไฟแนนเชียล สูงถึง 57 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 793 พันล้านวอน) ส่วนข้อมูลจากเชนัลลิซิสเผยว่า เหรียญ TRUMP เพียงอย่างเดียวทำรายได้จากค่าธรรมเนียมกว่า *320 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4,448 พันล้านวอน*

ตลอดมา วอร์เรนยังคงจุดยืนเดิมต่อร่างกฎหมาย GENIUS และ CLARITY โดยระบุว่า “*จำเป็นต้องมีกฎระเบียบที่ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวจากสินทรัพย์ดิจิทัล*” และพยายามสกัดไม่ให้ร่างผ่านความเห็นชอบ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างกระบวนการพิจารณา เกิดความขัดแย้งเรื่องสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) จนทำให้การลงมติต้องหยุดชะงักชั่วคราว

แต่สถานการณ์พลิกผันด้วยการลงมาของทรัมป์ที่ออกโรงโน้มน้าวเสียงสมาชิกพรรครีพับลิกันจนเปลี่ยนเกมได้สำเร็จ ในที่สุด เขาก็สามารถผลักดันให้ร่างผ่านการลงมติในสภาผู้แทนฯ ด้วยเสียง 217 ต่อ 212 กระแสข่าวจากนักข่าว เอลีเนอร์ เทอเร็ต(Eleanor Terrett) ระบุว่า ร่าง GENIUS จะเข้าสู่การพิจารณาในลำดับถัดไป ส่วนร่าง CLARITY ก็จะถูกเสนอในช่วงต้นสัปดาห์หน้า

เหตุการณ์นี้ตอกย้ำอีกครั้งว่า *“ทิศทางของกฎหมายคริปโตในสหรัฐฯ กำลังถูกชักนำด้วยผลประโยชน์ทางการเมือง”* โดยเฉพาะท่ามกลางแรงเสียดทานระหว่างฝ่ายบริหารของทรัมป์ และเสียงขานรับแนวกฎหมายกำกับที่นำโดยเดโมแครต จุดชี้ชะตาของอุตสาหกรรมคริปโตสหรัฐฯ ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความหลัก

ETF อีเธอเรียม(ETH) เดือด! แบล็กร็อกทุ่มซื้อ 148,585 ETH ดันยอดไหลเข้าแตะ 1.25 พันล้านดอลลาร์ใน 5 วัน

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1