อานาโตลี ยาโคเวนโก(Anatoly Yakovenko) ผู้ร่วมก่อตั้งโซลานา(SOL) ออกมากล่าววิพากษ์ทรัพย์สินดิจิทัลอย่าง *มีมคอยน์* และ *NFT* ว่าเป็น “ขยะดิจิทัลไร้คุณค่า” ซึ่งสร้างกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวางในวงการคริปโต โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าโซลานาเองนั้นสามารถสร้างรายได้จากสินทรัพย์ทั้งสองประเภทดังกล่าวอย่างมหาศาล
เมื่อวันที่ 16 ยาโคเวนโกโพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมชื่อทวิตเตอร์) ระบุว่า *“ผมมองว่ามีมคอยน์และ NFT คือขยะดิจิทัลไร้สาระมาตั้งแต่หลายปีก่อน พวกมันก็ไม่ต่างอะไรจากกล่องของขวัญสุ่มในเกมมือถือฟรี”* การแสดงความเห็นเช่นนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงในกลุ่มนักพัฒนาและผู้ใช้งานทั่วไป โดยมีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้าน
ประเด็นที่ทำให้คำพูดของยาโคเวนโกเป็นที่จับตา คือ *มีมคอยน์* และ *NFT* กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ขับเคลื่อนปริมาณ *ธุรกรรม* และ *รายได้จากค่าธรรมเนียม* ภายในเครือข่ายโซลานาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จากการที่โครงการมีมคอยน์หลายรายที่พัฒนาบนโซลานาได้รับการลิสต์บนแพลตฟอร์มซื้อขายรายใหญ่ ส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าสู่ระบบถึงระดับหลายร้อยล้านดอลลาร์ ก่อให้เกิดการวิพากษ์ว่า *ยาโคเวนโกอาจกำลังขัดแย้งกับผลประโยชน์ของระบบนิเวศที่ตนเองร่วมสร้างขึ้น*
นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยคริปโตระดับแนวหน้าในสหรัฐอย่าง *Messari* อย่างเอมิลี ชไรเบอร์ ได้ให้ *ความคิดเห็น* ว่า *“ยาโคเวนโกน่าจะต้องการชี้จุดสนใจไปที่ความบริสุทธิ์เชิงเทคนิคของแพลตฟอร์ม มากกว่าการเติบโตในเชิงธุรกิจ”* พร้อมเสริมว่า *“แต่นั่นอาจละเลยปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้โซลานาประสบความสำเร็จ นั่นคือกิจกรรมจากผู้ใช้งานและความต้องการจากตลาด”*
แม้ว่ายาโคเวนโกจะแสดง *ท่าทีไม่เห็นด้วยกับมีมคอยน์และ NFT* มาตลอดในช่วงหลายปีหลัง แต่เมื่อคำแถลงเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โซลานากำลัง *เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสินทรัพย์เหล่านี้โดยตรง* ก็ทำให้คำพูดดังกล่าวกลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชน บางเสียงภายในคอมมูนิตี้เสนอให้มีความระมัดระวังในแนวทางการแสดงความคิดเห็น โดยระบุว่า *“แม้จะเคารพในอุดมการณ์ของผู้พัฒนา แต่คำพูดที่สวนทางกับสภาพความเป็นจริงของตลาดอาจทำให้เกิดผลกระทบในทางลบได้”*
กรณีนี้สะท้อนถึงความท้าทายระหว่าง *อุดมการณ์ด้านเทคโนโลยี* กับ *ความจริงของตลาดคริปโต* ซึ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วอย่างไม่แน่นอน
ความคิดเห็น 0