ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) อาจสร้าง ‘เซอร์ไพรส์’ ให้กับตลาด หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจเป็นชนวนจุดประกายให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเกิดการ *พุ่งขึ้นครั้งใหญ่* โดยนักวิเคราะห์มองว่าหาก Fed ดำเนินนโยบายดังกล่าว บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), ริปเปิล(XRP) และสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ อาจเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ ท่ามกลางความคาดหวังของนักลงทุนที่เพิ่มสูง
พอล แบร์รอน(Paul Barron) นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง แสดงความคิดเห็นผ่านแพลตฟอร์ม X (อดีตทวิตเตอร์) ว่า หากคณะกรรมการ FOMC มีมติลดดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิดในการประชุมเดือนกรกฎาคม ก็อาจสร้างแรงผลักดันมหาศาลต่อตลาดหุ้นและคริปโตโดยรวม ปัจจุบันตลาดประเมินโอกาสในการลดดอกเบี้ยเดือนกรกฎาคมไว้เพียง 24% ขณะที่เดือนกันยายนอยู่ที่ระดับสูงถึง 81% นี่จึงหมายความว่าหากมีการลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ก็อาจนำไปสู่ *‘เอฟเฟกต์เซอร์ไพรส์’* ที่ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์พุ่งขึ้นทั่วทั้งกระดาน
บิตคอยน์ในขณะนี้เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 116,000 ถึง 119,210 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.6 ล้านบาท) ขณะที่อีเธอเรียมอยู่ในช่วงระดับ 3,600 ถึง 3,871 ดอลลาร์ (ประมาณ 538,000 บาท) โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงจับตาดูท่าทีของ Fed อย่างใกล้ชิด
แบร์รอนชี้ว่าหากเกิดการลดดอกเบี้ยจริง ความกดดันจากดอกเบี้ยสูงจะลดลง ซึ่งจะสนับสนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นเติบโต และอสังหาริมทรัพย์ให้สามารถฟื้นตัวได้อีกครั้ง ในปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านในสหรัฐอยู่ที่ 6.8% แต่หากลดลงก็อาจกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงจะช่วยผลักดันการส่งออกของประเทศให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ เขายังมองว่าอัลท์คอยน์บางตัว เช่น XRP และ เอ이다(ADA) แม้จะเผชิญแรงขายทำกำไรในระยะสั้น แต่นโยบายลดอัตราดอกเบี้ยอาจกลายเป็น *ตัวเร่งสำคัญ* ให้ตลาดกลับมาฟื้นตัวได้
ด้านทนายความจอห์น ดีตัน(John E. Deaton) ผู้มีบทบาทในคดีฟ้องร้องริปเปิลในสหรัฐฯ ก็เห็นด้วยกับแนวโน้มนี้ โดยระบุว่า หากประธาน Fed อย่างเจอโรม พาวเวลล์ประกาศลดดอกเบี้ยจริง ก็ "ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มพุ่งขึ้นทั่วหน้า โดยเฉพาะตลาดคริปโตที่จะมีทิศทางเป็นบวกอย่างชัดเจน" เขายังเสริมด้วยว่า ทรัมป์และทีมเศรษฐกิจของเขาสามารถใช้โอกาสนี้ฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดได้อีกครั้ง
แม้จะมีมุมมองเชิงบวก แต่ก็ยังมีเสียงเตือนจากฝั่งที่ระมัดระวัง โดยข้อมูลจาก Polymarket แพลตฟอร์มตลาดคาดการณ์ ระบุว่า นักลงทุนประเมินโอกาสที่ FOMC จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับ 4.25–4.50% ในการประชุมวันที่ 29–30 กรกฎาคม ไว้สูงถึง 96.3% ขณะที่ความเป็นไปได้ในการลดดอกเบี้ย 0.25% มีเพียงไม่ถึง 3% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่า Fed ยังคง *ท่าทีระมัดระวัง* ท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจ
แบร์รอนยังเตือนว่า การลดดอกเบี้ยอาจเป็นดาบสองคม หากตลาดตีความว่าเป็นการตัดสินใจจากความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอย ไม่ใช่สัญญาณแห่งการฟื้นตัว ก็อาจนำมาซึ่งความไม่มั่นใจ และกระตุ้น “ภาวะชะลอเงินเฟ้อ” (Stagflation) ได้ นอกจากนี้ หาก Fed ไม่สามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อค่าจ้างในขณะที่อัตราการจ้างงานยังสูง ก็อาจเกิด *‘วัฏจักรราคา-ค่าจ้าง’* ที่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในระยะยาว
ท้ายที่สุด สิ่งที่ตลาดต้องการคือ *‘สัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ’* หาก Fed สามารถสื่อสารนโยบายการเงินให้นักลงทุนมั่นใจว่าเป็นการส่งเสริมการเติบโต ตลาดคริปโตและสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ ก็อาจดีดตัวกลับในทันที แต่หากไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ก็อาจกลายเป็นฉนวนแห่งความผันผวนรอบใหม่ของตลาด ในตอนนี้ สายตาของนักลงทุนทั่วโลกจึงจับจ้องไปที่ FOMC ว่า “คำพูดหนึ่งคำ” จะกลายเป็นชนวนของ *มหาศึกขาขึ้น* หรือปลดล็อก *คลื่นแห่งความผิดหวัง* กันแน่
ความคิดเห็น 0