Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

โทเคนหุ้นโตทะยาน! คาดแตะ 1.34 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 หนุนอนาคตการเงินโลก

โทเคนหุ้นโตทะยาน! คาดแตะ 1.34 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 หนุนอนาคตการเงินโลก / Tokenpost

ตลาด ‘โทเคนหุ้น’ มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป และอาจกลายเป็นกลไกเปลี่ยนแปลงระบบการเงินดั้งเดิมในระดับโลก จากรายงานล่าสุดของไทเกอร์รีเสิร์ช(Tiger Research) มีการประเมินว่า ขนาดตลาดโทเคนหุ้นที่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ หากสามารถโทเคนไนซ์หุ้นทั่วโลกเพียงแค่ 1% ก็อาจขยายตัวแตะ 1.34 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ซึ่งสอดคล้องกับกระแส ‘การแปลงสินทรัพย์จริงเป็นโทเคน(RWA)’ ในวงการคริปโต และโครงสร้างที่ผสานการทำงานกับ *การเงินไร้ศูนย์กลาง(DeFi)* อย่างลงตัว

หนึ่งในจุดแข็งของโทเคนหุ้นคือการลดอุปสรรคในการลงทุนต่างประเทศ ไม่ต้องเปิดบัญชีซับซ้อน ลดค่าธรรมเนียม และซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมมีคุณสมบัติอย่างการถือครองแบบเศษส่วน และระบบการชำระเงินที่ต้นทุนต่ำอย่างมาก นอกจากนี้ ยังรองรับรูปแบบรายได้รอง เช่น การกู้ยืมโดยใช้หุ้นเป็นหลักประกัน การเทรดออปชัน และกลยุทธ์แบบ *ผู้ดูแลสภาพคล่องอัตโนมัติ(AMM)* ที่กำลังได้รับความนิยมในโลกดีไฟ อย่างไรก็ตาม ‘ความคิดเห็น’ จากไทเกอร์รีเสิร์ชยังชี้ว่า โทเคนหุ้นจะไม่ได้เป็นแค่สินทรัพย์ทางการเงิน แต่จะก้าวขึ้นเป็น ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ ของอีโคซิสเต็มทางการเงินในระยะยาว

สิ่งที่ทำให้โทเคนหุ้นแข็งแกร่งไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือ ‘อุปสงค์ที่พิสูจน์แล้ว’ ของตลาดหุ้นดั้งเดิมที่มีมูลค่าสูงถึง 134 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับสินทรัพย์จริงอื่นๆ ที่ต้องสร้างดีมานด์จากศูนย์ ตลาดโทเคนหุ้นกลับมีจุดเริ่มต้นที่แข็งแรง พร้อมข้อดีเชิงต้นทุน ความยืดหยุ่นด้านกฎระเบียบ และการเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งยกระดับให้เป็น “ทางเลือกที่น่าจับตามองกว่าระบบดั้งเดิม” ยิ่งไปกว่านั้น การที่ยุโรปเริ่มใช้กฎ MiCA ตั้งแต่ปี 2025 รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านฟินเทคอย่างโรบินฮู้ดที่เตรียมรุกตลาด ก็ช่วยเร่งให้ภาพรวมของตลาดเดินหน้าเร็วขึ้น

โครงสร้างของอีโคซิสเต็มโทเคนหุ้นประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่ *โครงสร้างบล็อกเชน*, *ผู้ออกโทเคน*, *โอราเคิลข้อมูล*, และ *ตลาดซื้อขาย* โดยต้องทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เช่น บริษัท Backed Finance จากสวิตเซอร์แลนด์ออกโทเคนที่อิงกับหุ้นจริง เช่น xAAPL โดยใช้ระบบฝากทรัพย์แบบธนาคาร อินเจคทีฟ(Injective) ก็พัฒนา iAsset ที่ให้ยูสเคสในตลาดอนุพันธ์ ขณะที่เชนลิงก์(Chainlink) มีบทบาทสำคัญในการส่งข้อมูลราคาตลาดแบบรีลไทม์ พร้อม Proof-of-Reserve เพื่อรับประกันความโปร่งใส โครงการอย่างเออร์บิทรัม(Arbitrum) และโซลานา(Solana) ต่างพัฒนาวิธีโทเคนไนซ์เฉพาะของตน

ความน่าสนใจคือข้อมูลตลาดเริ่มสะท้อนศักยภาพให้เห็นชัด ในระบบของโซลานา มูลค่าซื้อขายโทเคนหุ้นเพียงเดือนเดียวเพิ่มสูงขึ้นจาก 15 ล้านดอลลาร์เป็น 100 ล้านดอลลาร์ หรือพุ่งขึ้นกว่า 566% แสดงให้เห็นถึงการบรรจบกันระหว่าง ‘การนำคริปโตไปใช้งานจริง’ กับ ‘การตอบรับจากโลกการเงินแบบดั้งเดิม’ โดยเฉพาะเมื่อสถาบันการเงินขนาดใหญ่อย่างซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ออฟอเมริกา ต่างเริ่มศึกษาและออกสเตเบิลคอยน์ของตนเอง ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมพิจารณานโยบายอนุญาตให้ใส่คริปโตในบัญชี 401(k) เพื่อการเกษียณ

ด้านกฎหมายก็เริ่มเห็นสัญญาณชัดเจนทั้งในยุโรปและสหรัฐ โดยระบบ MiCA Framework ในยุโรป และร่างกฎหมาย GENIUS Act ในอเมริกา ต่างเป็นการวางโครงสร้างทางกฎหมายที่คาดว่าจะ “สร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองนักลงทุนกับการเติบโตของอุตสาหกรรม” ซึ่งจะส่งผลดีต่อการที่โทเคนหุ้นเข้าสู่การยอมรับในระบบการเงินกระแสหลักอย่างเป็นทางการ

ไทเกอร์รีเสิร์ชคาดว่า โทเคนหุ้นจะกลายเป็นหนึ่งในโอกาสที่จับต้องได้มากที่สุดภายในตลาด RWA ด้วยเงื่อนไขเชิงโครงสร้างที่ชัดเจน การเติบโตของเทคโนโลยี และทิศทางกฎหมายที่เอื้ออำนวย ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังก่อตัวเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอนาคตของ *การลงทุนผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน* ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1