บิตคอยน์(BTC) เกิดแรงเทขายครั้งใหญ่หลังทะลุระดับ 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.16 ล้านบาท) และพลิกกลับเข้าสู่แนวโน้มขาลง นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่านี่คือ *“คลื่นการทำกำไรหลักครั้งที่สามของรอบขาขึ้นนี้”* ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่สำคัญของตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ถือครองรายใหญ่ที่กำลังเร่งขายเพื่อทำกำไรก้อนโต
เมื่อวันที่ 31 ตามรายงานของบริษัทวิเคราะห์ออนเชนอย่างคริปโตควอนต์(CryptoQuant) จำนวนการทำกำไรจริงของบิตคอยน์ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ประมาณ *6,000 ล้านถึง 8,000 ล้านดอลลาร์* (ราว 270,000 ล้านบาท) ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับช่วงพีกของราคาบิตคอยน์ในเดือนมีนาคมและธันวาคม 2024 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดแรงขายมหาศาลหลังราคาปรับตัวสูงขึ้น สอดคล้องกับแนวโน้มก่อนหน้าที่เคยเกิดขึ้น ความเคลื่อนไหวลักษณะนี้จึงถูกตีความว่าอาจเป็น *‘สัญญาณเตือนความเสี่ยงของการปรับฐาน’* รอบใหม่
ครั้งนี้ กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการขายจำนวนมากคือบรรดา *“วาฬหน้าใหม่ (new whales)”* นักลงทุนรายใหญ่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดและสะสมเหรียญในช่วงที่ผ่านมา โดยทั่วไป ‘วาฬ’ คือนักลงทุนที่ถือครองอย่างน้อย 1,000 BTC ซึ่งมีอิทธิพลต่อทิศทางตลาดสูง ในขณะที่กลุ่มวาฬยุคก่อนมักเป็นผู้ที่อยู่ในตลาดตั้งแต่ต้น ‘วาฬหน้าใหม่’ เหล่านี้กลับถือว่าเป็นนักลงทุนรายใหญ่ยุคหลังที่มีกำลังซื้อสูง และเริ่มเข้าซื้อบิตคอยน์ไม่นานนัก
บทวิเคราะห์ระบุว่า วาฬหน้าใหม่นี้อาจเป็น *“กองทุนสถาบันและบริษัทขนาดใหญ่”* ที่หันมาสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงไม่กี่เดือนหลัง จากการที่กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลให้จำนวนผู้ถือเหรียญรายใหญ่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว และเมื่อราคาบิตคอยน์แตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบนี้ กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ก็ใช้โอกาสนี้ทำกำไรทันที สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้ตลาดเข้าสู่ช่วงปรับฐานในระยะสั้น
นักวิเคราะห์มองว่าหลังจากบิตคอยน์พุ่งทะลุแนวต้าน 120,000 ดอลลาร์และสร้างจุดสูงสุดใหม่ ควร *“ระมัดระวังภาวะการลงทุนที่ร้อนแรงเกินไป”* โดยเตือนว่าในอดีต เมื่อเกิดการทำกำไรในระดับสูงแบบนี้ ตลาดมักมีแนวโน้มชะลอตัวตามมา หากไม่มีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามาเพิ่มเติม รอบเทขายครั้งนี้จึงอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับแนวโน้มของบิตคอยน์ในช่วงเวลาที่เหลือของปี
ความคิดเห็น 0