รายงานจาก Chainalysis เปิดเผยว่า ในปี 2024 พื้นที่ที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรได้เคลื่อนย้ายคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่ากว่า 15.8 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 39% ของธุรกรรมที่ผิดกฎหมายทั้งหมด
จากข้อมูล รายงานระบุว่า ประเทศที่ถูกคว่ำบาตรอย่างอิหร่านและรัสเซียใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดดันทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ ‘ศูนย์แลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์’ (CEX) ในอิหร่านที่มีปริมาณการซื้อขายและส่วนต่างเงินทุนที่สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกนอกระบบ
สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของสหรัฐฯ (OFAC) ได้ขยายขอบเขตมาตรการคว่ำบาตรในปี 2024 โดยไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่บุคคลหรือกลุ่มองค์กรขนาดเล็กเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สนับสนุนกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอีกด้วย สำหรับรัสเซีย มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อตัดช่องทางเงินทุนสำหรับสงครามในยูเครน อาชญากรรมทางไซเบอร์ และเครือข่ายอาชญากรรม อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า บริษัทผู้ผลิตโดรน KB Vostok OOO ของรัสเซียใช้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเงินคริปโตในประเทศเพื่อเลี่ยงการถูกจำกัดทางการเงิน โดยผ่าน Garantex ซึ่งประมวลผลธุรกรรมมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ รายงานยังเผยว่าการแลกเปลี่ยนที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ‘รู้จักลูกค้าของคุณ’ (KYC) ในรัสเซีย ได้เข้าไปพัวพันกับการฟอกเงินจากธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ในขณะเดียวกันที่อิหร่าน การใช้คริปโตเคอร์เรนซีเพื่อปกป้องทรัพย์สินและเคลื่อนย้ายเงินทุนกำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มมาตรการกวาดล้างขององค์กรกำกับดูแล
ความท้าทายสำคัญอีกประการหนึ่งคือการใช้ ‘Tornado Cash’ ซึ่งเป็นบริการมิกเซอร์ที่ช่วยปิดบังธุรกรรม ทำให้การติดตามเส้นทางเงินเป็นไปได้ยากขึ้น ตามรายงาน ในปี 2024 มีธุรกรรมที่ไหลเข้าสู่ Tornado Cash เพิ่มขึ้น 108% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ เช่น ‘ลาซารัส กรุ๊ป’ ที่ใช้เครื่องมือดังกล่าวในการฟอกเงินจากการปล้นไซเบอร์
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มแรงกดดันด้านการกำกับดูแลทำให้การเชื่อมโยงระหว่างแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเงินคริปโตในต่างประเทศกับบริการในอิหร่านลดลง รายงานชี้ว่า เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่ามาตรการคว่ำบาตรส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมจริง
สำหรับนโยบายของสหรัฐฯ นั้น หลังจากทรัมป์เข้ามาดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีได้รื้อฟื้นนโยบาย ‘กดดันสูงสุด’ ต่ออิหร่าน และแนวทางนี้คาดว่าจะได้รับการเสริมความเข้มข้นต่อไปโดยกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ
ความคิดเห็น 0