รายงานล่าสุดจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน นานเซน(Nansen) เผยว่า นักลงทุนกว่า 13,000 รายของ ‘ลิบรา(LIBRA)’ เหรียญมีมโทเคนที่ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลย์(Javier Milei) ของอาร์เจนตินาเคยกล่าวถึงชั่วคราว ขาดทุนรวมกันถึง 251 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,613 พันล้านวอน)
นานเซนระบุว่า จากการวิเคราะห์ 15,430 กระเป๋าเงิน พบว่ามีกระเป๋าเงินกว่า 86% ที่ขาดทุน โดยเฉพาะกระเป๋าเงินที่มีธุรกรรมมากกว่า 1,000 ดอลลาร์ ในขณะที่มีเพียง 2,101 กระเป๋าที่ทำกำไรได้ โดยมีกำไรรวม 180 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,592 พันล้านวอน)
ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการทำกำไรได้มหาศาล ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยประสบภาวะขาดทุนหนัก โดยนานเซนให้ความเห็นว่า “มีเพียงไม่กี่กระเป๋าที่สามารถกอบโกยเงินหลักล้านดอลลาร์ได้ ในขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องรับภาระขาดทุนมหาศาล” พร้อมเสริมว่า “ผู้สนับสนุนหลักของโครงการเริ่มตีตัวออกห่างเมื่อเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์”
เมื่อแยกตามช่วงของความเสียหาย พบว่ามี 1,478 กระเป๋าที่ขาดทุนระหว่าง 1,000-10,000 ดอลลาร์ รวมแล้วเสียหาย 4.8 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 69 พันล้านวอน) ขณะที่มี 2,800 กระเป๋าขาดทุนระหว่าง 10,000-100,000 ดอลลาร์ รวมกันเป็นมูลค่า 82.4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,186 พันล้านวอน) นอกจากนี้ มี 392 กระเป๋าที่ขาดทุนระหว่าง 100,000-1,000,000 ดอลลาร์ คิดเป็นมูลค่ารวม 96.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,389 พันล้านวอน) และมีกระเป๋าเงิน 23 ใบที่ขาดทุนมากกว่า 1,000,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดขาดทุนรวมอยู่ที่ 40.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 588 พันล้านวอน)
หนึ่งในประเด็นสำคัญคือ 15 กระเป๋าที่เสียหายหนักสุด มีมูลค่าการขาดทุนรวม 33.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 485 พันล้านวอน) โดยหนึ่งในกระเป๋าเหล่านี้ยังถือครองโทเคนมากถึง 57% ของจำนวนที่เคยถือครองทั้งหมด
อีกหนึ่งกรณีที่ได้รับความสนใจคือ เดฟ พอร์ตนอย(Dave Portnoy) ผู้ก่อตั้ง Barstool Sports ซึ่งขาดทุนเป็นมูลค่าถึง 6.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 91 พันล้านวอน) โดยเขาได้รับ 6 ล้านโทเคน LIBRA เป็นค่าตอบแทนจากการโปรโมตโครงการ ก่อนจะอ้างว่าได้คืนโทเคนเหล่านี้ไปแล้ว
ขณะที่บริษัทกฎหมายในสหรัฐฯ อย่าง เบอร์วิค ลอว์ฟิร์ม(Burwick Law) ระบุว่ากำลังติดต่อกับเหยื่อหลายร้อยรายและกำลังพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของผู้เสียหาย รวมถึงเรียกร้องค่าชดเชยทางการเงิน
ในส่วนของบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโครงการ LIBRA นั้น ได้แก่ เฮย์เดน เดวิส(Hayden Davis) ซีอีโอของ เคลเซียร์ เวนเจอร์ส(Kelsier Ventures) และ จูเลียน เพ(Julian Peh) ซีอีโอของ KIP โปรโตคอล ซึ่งรายงานยังระบุอีกว่า ประธานาธิบดีมิเลย์ได้โพสต์เกี่ยวกับ LIBRA บนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) แต่ลบโพสต์ดังกล่าวภายในเวลา 5 ชั่วโมง
สื่อท้องถิ่นของอาร์เจนตินาอย่าง ลา นาซิออน(La Nacion) ยังเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่ คารินา มิเลย์(Karina Milei) น้องสาวของประธานาธิบดีมิเลย์ และเลขาธิการทำเนียบประธานาธิบดี อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ อย่างไรก็ตาม เฮย์เดน เดวิสปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเขาไม่เคยส่งข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลจากรายงานยังระบุว่า เคลเซียร์ เวนเจอร์ส และ เดวิส ได้รับผลกำไรกว่า 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,440 พันล้านวอน) จากโครงการ LIBRA แต่เดวิสออกมายืนยันว่าเขาไม่เคยถือครองโทเคนโดยตรงและไม่มีแผนที่จะขาย
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ประธานาธิบดีมิเลย์ออกมาแก้ต่างว่าเขาไม่ได้ ‘โปรโมต’ เหรียญ LIBRA โดยตรง แต่เพียงแค่ ‘แชร์ข้อมูล’ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านของอาร์เจนตินาเริ่มเรียกร้องให้มีการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งและกำลังดำเนินมาตรการทางกฎหมายต่อไป
ความคิดเห็น 0