ตลาดคริปโตฯ กำลังเผชิญความผันผวนอย่างหนัก หลัง ‘บิตคอยน์(BTC)’ ร่วงต่ำกว่า 113,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15,707,000 บาท) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม กวาดให้ทั้งตลาดจมดิ่งลงด้วย จากรายงานล่าสุด ราคาของหลายเหรียญหลักรวมถึงบิตคอยน์และอัลต์คอยน์สำคัญ กำลังเคลื่อนไหวในทิศทางลบ กระตุ้นความวิตกกังวลในหมู่นักลงทุน
ก่อนหน้านี้ บิตคอยน์ยังทรงตัวอยู่ในกรอบ 117,500 ดอลลาร์ (ราว 16,307,000 บาท) ไปจนถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อตลาดเปิดในวันจันทร์ ราคาได้ร่วงอย่างรวดเร็ว โดยปัจจัยที่กระทบส่วนหนึ่งมาจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นภายหลังการพบกันระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี แม้บิตคอยน์จะพยายามดีดกลับขึ้นไปแตะ 117,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16,213,000 บาท) ได้ชั่วคราว แต่สุดท้ายก็ต้านแรงขายไม่ไหว ร่วงผ่านแนวรับสำคัญที่ 113,000 ดอลลาร์ และสร้างระดับราคาต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ปัจจุบัน มูลค่าตลาดรวมของบิตคอยน์ลดลงเหลือ 2.265 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,147.85 ล้านล้านบาท)
ด้านอีเธอเรียม(ETH) ก็อ่อนตัวลงเกือบ 1% มาอยู่ที่ราว 4,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 583,800 บาท) โดยกำลังเทสต์แนวรับสำคัญ ส่วนริปเปิล(XRP) ได้หลุดระดับแนวรับ 3.00 ดอลลาร์ (ราว 417,000 บาท) ดิ่งลงถึง 2.90 ดอลลาร์ (ประมาณ 403,000 บาท) ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ ของนักวิเคราะห์บางรายมองว่าเป็นสัญญาณชะงักของแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังจะเกิด
สำหรับกลุ่มอัลต์คอยน์ ‘เอดา(ADA)’ เจอแรงขายสาหัสที่สุดในกลุ่มเหรียญใหญ่ โดยร่วงไปกว่า 8% ในวันเดียว สู่ระดับ 0.85 ดอลลาร์ (ใกล้ 118,000 บาท) ขณะที่ ‘เชนลิงก์(LINK)’ กลับสวนกระแสตลาดด้วยการบวกขึ้นกว่า 3% แสดงให้เห็น ‘ความแข็งแกร่ง’ ในภาวะที่ตลาดรวมกำลังไหลลง ส่วนเหรียญชื่อดังอย่างโซลานา(SOL), ทรอน(TRX) และตนคอยน์(TON) ต่างยืนบวกเล็กน้อย ท่ามกลางความคาดหวังจากนักลงทุนบางส่วน
ตลาดคริปโตโดยรวมสูญเสียมูลค่ากว่า 70,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 97.3 ล้านล้านบาท) ภายในคืนเดียว ปัจจุบันรวมอยู่ที่ราว 3.92 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,448 ล้านล้านบาท) เท่านั้น ‘คำ’ ที่หลายฝ่ายให้ความสำคัญในขณะนี้คือ “ความกลัว” ซึ่งกำลังแผ่ปกคลุมตลาด และบีบให้นักลงทุนกลับมาใช้กลยุทธ์ที่ ‘ระมัดระวัง’ มากขึ้น โดยเฉพาะท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายดอกเบี้ย เศรษฐกิจโลก และการเมืองระหว่างประเทศ
ขณะนี้ นักลงทุนกำลังจับตาการสร้างฐานรับใหม่ของบิตคอยน์ รวมถึงโอกาสในการเด้งกลับของอัลต์คอยน์ โดยมีแนวโน้มว่าท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐและสถานการณ์โลกจะเป็นปัจจัยหลักกำหนดทิศทางตลาดในช่วงถัดไป
ความคิดเห็น 0