เทคโนโลยี ‘การโทเคนไนซ์(Tokenization)’ กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในฐานะทางเลือกสำหรับการแก้ปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพเชิงโครงสร้างในตลาดทุนละตินอเมริกา โดยบิทไฟเน็กซ์ซีเคียวริตี้(Bitfinex Securities) วิเคราะห์ในรายงานเกี่ยวกับการเข้าถึงตลาด ว่าการโทเคนไนซ์สินทรัพย์จริงบนบล็อกเชนสามารถช่วยยกระดับการระดมทุนและการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รายงานระบุว่า สาเหตุที่ทำให้การไหลเวียนของเงินทุนในภูมิภาคนี้ติดขัด มาจาก ‘ค่าธรรมเนียมสูง’, ‘กฎระเบียบที่ซับซ้อน’, ‘ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี’ และ ‘ต้นทุนการเริ่มต้นธุรกิจที่สูง’ อันเป็นปัจจัยโครงสร้างที่ขัดขวางการสร้างตลาดทุนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้เกิดสถานการณ์ ‘ความล่าช้าด้านสภาพคล่อง’ ในตลาดทุน โดยรายงานเน้นว่า *การโทเคนไนซ์สินทรัพย์จริง* เป็นทางออกสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาเหล่านี้ พร้อมเปิดทางให้กับนักลงทุนรายย่อยและการเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจในมิติใหม่
กระบวนการออกและจัดการ ‘สินทรัพย์จริง(real-world assets หรือ RWA)’ บนบล็อกเชน ยังช่วยสร้างโครงสร้างตลาดทุนที่ ‘โปร่งใส’ และ ‘มีประสิทธิภาพ’ มากยิ่งขึ้น โดยบิทไฟเน็กซ์ประมาณการว่า การโทเคนไนซ์สามารถลดต้นทุนการออกหลักทรัพย์ได้สูงสุดถึง 4% และย่นระยะเวลาการเข้าตลาดจากเดิมลงได้ถึง 90 วัน ซึ่งถือเป็นการลดอุปสรรคด้านต้นทุนและเวลาอย่างมีนัยสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
เจสซี นัทสัน(Jesse Knutson) หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของบิทไฟเน็กซ์ซีเคียวริตี้ แสดงความคิดเห็นว่า “การโทเคนไนซ์คือโอกาสแห่งยุคที่จะพลิกโฉมระบบการเงินตั้งแต่รากฐาน ช่วยลดต้นทุน เร่งการเข้าระบบ และเชื่อมต่อผู้ออกหลักทรัพย์กับนักลงทุนได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น”
รายงานยังกล่าวถึงการใช้งาน ‘สเตเบิลคอยน์’ ที่เพิ่มขึ้นในละตินอเมริกา ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือทางการเงินทางเลือกสำหรับประเทศที่มีสกุลเงินท้องถิ่นผันผวน โดยสเตเบิลคอยน์ถูกนำมาใช้ทั้งในรูปแบบของการชำระเงินและการลงทุน พร้อมกับการโทเคนไนซ์ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันการเข้าถึงบริการทางการเงินในภูมิภาค
แนวโน้มการโทเคนไนซ์และการใช้สเตเบิลคอยน์กำลังได้รับการจับตามองว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของยุทธศาสตร์การเปิดเสรีตลาดทุนและการส่งเสริมความทั่วถึงทางการเงิน ซึ่งกลุ่มประเทศในละตินอเมริกาอาจจะกลายเป็นสนามทดสอบของการเปลี่ยนแปลงระดับโลกนี้ในไม่ช้า
ความคิดเห็น 0