แม้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับคริปโตจะพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เริ่มแสดงสัญญาณของ ‘แรงเหนื่อยจากการปรับตัวขึ้น’ โดยเฉพาะหุ้นตัวเด่นอย่าง คอยน์เบส(COIN), ไมโครสเตรเทจี(MSTR) และเมตะแพลนเน็ต ที่ราคาปรับตัวลดลงเนื่องจากขาดปัจจัยขับเคลื่อนที่ชัดเจนในตลาด ส่งผลให้ดัชนีหุ้นคริปโตของ 10x Research ซึ่งก่อนหน้านี้เคยพุ่งขึ้นเฉลี่ยกว่า 500% ร่วงลงมาเหลือประมาณ 427%
หุ้นสำคัญหลายตัวในกลุ่มนี้ เช่น คอยน์เบส, เซอร์เคิล และไมโครสเตรเทจี เริ่มเผชิญกับการปรับฐานจากผลประกอบการ ทำให้ความสนใจใน ‘หุ้นคริปโต’ โดยรวมลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการเข้าตลาดของ เซอร์เคิล ที่แม้จะเริ่มต้นได้ดี แต่ก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความคาดหวังต่อหุ้นหน้าใหม่ในกลุ่มนี้ลดลงตามไปด้วย นักลงทุนเริ่มระมัดระวังและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากขึ้น หลังจากหุ้นหลายตัวที่เคยนำตลาดกลับอ่อนแรงจากข่าวลบอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 20 (เวลาท้องถิ่น) ราคาหุ้น ไมโครสเตรเทจี ร่วงลงราว 2% มาอยู่ที่ 330 ดอลลาร์ (ประมาณ 458,700 บาท) ขณะที่ คอยน์เบส ซื้อขายที่ 296 ดอลลาร์ (ประมาณ 411,400 บาท) ส่วน เซอร์เคิล ลดลง 3.62% อยู่ที่ 130.34 ดอลลาร์ (ประมาณ 181,200 บาท) โดยสูญเสียมูลค่าตลาดไปกว่า 5 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,950 บาท) ช่วงนี้ตลาดยังไม่พบข่าวการจดทะเบียนใหม่ที่มีนัยสำคัญ ผนวกกับฤดูกาลที่มักมียอดซื้อขายซบเซา ทำให้ปริมาณการซื้อขายต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
ฝั่งสกุลเงินคริปโต บิตคอยน์(BTC) ปรับตัวลง 2% ภายใน 24 ชั่วโมงล่าสุด ซื้อขายอยู่แถวระดับ 112,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.6 ล้านบาท) ส่วน อีเธอเรียม(ETH) ฟื้นตัวกลับมาได้ระดับ 4,300 ดอลลาร์ (ประมาณ 597,000 บาท) แม้ราคาจะขยับขึ้น–ลง อย่างมีนัยสำคัญ แต่ผู้เชี่ยวชาญยังคงชี้ว่า ปัจจัยจากนโยบายเศรษฐกิจมหภาคยังคงสำคัญมากกว่าในระยะใกล้
นักวิเคราะห์จาก QCP Capital ในสิงคโปร์ ระบุว่าหาก ประธานเฟดอย่าง เจอโรม พาวเวลล์ ยังคงส่งสัญญาณ ‘สายเหยี่ยว’ หรือหากมีตัวเลขแรงงาน–เงินเฟ้อที่ออกมารุนแรงกว่าคาด ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต อาจได้รับแรงกดดันอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้ง
แม้จะมีข่าวดีอย่างการผ่าน ‘กฎหมาย GENIUS’ และเงินไหลเข้าจากสถาบันการเงินที่เกิน 100,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 139 ล้านล้านบาท) แต่ตลาดหุ้นคริปโตยังดูเหมือนมี *ข้อจำกัดในการฟื้นตัวในระยะสั้น* เนื่องจากความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอกที่ครอบคลุมทั้งนโยบายการเงินและเศรษฐกิจโลก
*แม้บิตคอยน์จะยังแสดงเสถียรภาพได้มากกว่าหุ้นคริปโตโดยรวม* แต่หากไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ ๆ เข้ามาในระยะนี้ คาดว่าหุ้นในกลุ่มคริปโตจะยังคงเผชิญกับภาวะ ‘ชะลอตัวชั่วคราว’ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญกับทิศทางนโยบายของเฟดและข้อมูลเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นตัวแปรที่อาจกำหนดทิศทางของตลาดทั้งคริปโตและหุ้นในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0