บริษัทไมโครสแตรทิจี(MSTR) ภายใต้การนำของไมเคิล เซย์เลอร์ ได้เดินหน้าซื้อ *บิตคอยน์(BTC)* ครั้งใหญ่อีกครั้ง ท่ามกลางราคาที่ร่วงลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมื่อราคาบิตคอยน์ตกลงไปถึงประมาณ 15,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ บริษัทได้ถือโอกาสเข้าซื้อเพิ่มถึง 3,081 BTC
ตามเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ไมโครสแตรทิจีใช้เงินลงทุนกว่า *356.9 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,951 ล้านบาท)* ในการซื้อครั้งนี้ คิดเป็นราคาเฉลี่ยต่อเหรียญที่ *115,829 ดอลลาร์ (ราว 1.6 ล้านบาท)* โดยราคานี้สะท้อนถึงการทยอยซื้อในช่วงที่ราคาลดลง จากระดับประมาณ 116,700 ดอลลาร์ต้นสัปดาห์ ลงไปต่ำสุดที่ 112,000 ดอลลาร์ปลายสัปดาห์
หลังจากการซื้อครั้งใหม่นี้ ปัจจุบันไมโครสแตรทิจีถือ *บิตคอยน์รวมทั้งหมด 632,457 BTC* มูลค่าการลงทุนรวมกว่า *46.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 64.6 ล้านล้านบาท)* โดยราคาเฉลี่ยต่อเหรียญที่บริษัทลงทุนอยู่ที่ประมาณ *73,527 ดอลลาร์ (ราว 1.09 ล้านบาท)*
การซื้อครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามในเดือนสิงหาคม โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้ซื้อเพิ่มเล็กน้อยอีก *430 BTC* และ *155 BTC* ตามลำดับ รวมแล้วในเดือนนี้ ไมโครสแตรทิจีสะสมบิตคอยน์ไปทั้งหมด *3,666 BTC* ซึ่งแม้จะลดลงจากยอดซื้อในเดือนกรกฎาคมที่ *31,466 BTC* และเดือนมิถุนายนที่ *17,075 BTC* แต่ก็ยังคงสะท้อนถึงนโยบายการซื้อที่ต่อเนื่องแม้ในช่วงตลาดขาลง
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ตอกย้ำกลยุทธ์ของไมโครสแตรทิจีในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ที่เน้นสะสมบิตคอยน์ในภาวะราคาต่ำ โดยเชื่อมั่นใน *การฟื้นตัวระยะยาวของตลาด* และยังเป็นการสะท้อนมุมมองของเซย์เลอร์ที่ยืนหยัดในแนวทางการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างหนักแน่นอีกด้วย ความคิดเห็น: กลยุทธ์ ‘ซื้อเมื่อถูก’ ของไมโครสแตรทิจีอาจกำหนดทิศทางให้กับนักลงทุนสถาบันรายอื่นในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0