ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ซีอีโอของไมโครสแตรทิจี(MSTR) เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนในบิตคอยน์(BTC) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเหตุใดหุ้นของบริษัทจึงถูกมองว่าเป็น ‘ทางเลือกการลงทุนบิตคอยน์ประสิทธิภาพสูง’ ในตลาดคริปโต โดยเขาระบุว่าผู้ที่เลือกถือหุ้นไมโครสแตรทิจีแทนจะได้รับประโยชน์เหนือกว่าการถือบิตคอยน์โดยตรง
ตามข้อมูลล่าสุด ไมโครสแตรทิจีกำลังถือครองบิตคอยน์จำนวน *628,946 เหรียญ* คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ *75.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือกว่า *105.3 ล้านล้านวอน* โดยเฉลี่ยราคาซื้ออยู่ที่ *73,288 ดอลลาร์* และนับตั้งแต่การซื้อครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2020 ราคาสินทรัพย์ได้เพิ่มขึ้นจนมี *ผลตอบแทนคิดเป็น 64.5%* ทั้งนี้ บิตคอยน์ที่ถือไว้คิดเป็นประมาณ *68% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด* ของบริษัท
แม้ผลตอบแทนจะโดดเด่น เซย์เลอร์ย้ำว่าแนวทางของเขาไม่ใช่แค่การถือบิตคอยน์แบบธรรมดา เขาเรียกกลยุทธ์นี้ว่า “*การขยายด้วยเครดิต*” (Credit Amplification) ซึ่งหมายถึงการใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น หนี้สินหรือตราสารอนุพันธ์ เพื่อ *เพิ่มขนาดการถือครองบิตคอยน์โดยใช้เลเวอเรจสูงถึง 2-4 เท่า* ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนรายย่อยหรือผู้ถือ ETF ไม่สามารถทำได้
อีกความได้เปรียบสำคัญคือ *ตลาดออปชัน* โดยหุ้น MSTR มีมูลค่าคงค้างของสัญญาออปชัน (Open Interest) มากกว่า *100 พันล้านดอลลาร์* แซงหน้าทั้ง ETF บิตคอยน์และสัญญาฟิวเจอร์สบน CME แสดงถึง *สภาพคล่องและการใช้งานในตลาดอนุพันธ์ที่เหนือกว่า* นอกจากนี้ หุ้นของไมโครสแตรทิจียังอยู่ในดัชนีหลักอย่าง Nasdaq 100, MSCI และ Russell 1000 ทำให้มี *การไหลเข้าของทุนจากนักลงทุนสถาบันและกองทุนแบบพาสซีฟ* อย่างต่อเนื่อง
เซย์เลอร์มองว่าสิ่งที่ไมโครสแตรทิจีทำไม่เพียงแค่การได้กำไรจากราคาบิตคอยน์ แต่ยังเปิดโอกาสให้บริษัท *เข้าถึงตลาดทุน, สภาพคล่องในตลาดหุ้นและพันธบัตร รวมถึงการมีส่วนร่วมของนักลงทุนสถาบัน* ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนรายย่อยหรือผู้ถือ ETF ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
ผลลัพธ์คือ ราคาหุ้น MSTR กำลังซื้อขายอยู่ที่ *พรีเมียม 1.475 เท่า* เมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(NAV) ซึ่งสะท้อนว่าตลาดให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การใช้เลเวอเรจ, สภาพคล่อง และการเข้าถึงนักลงทุนสถาบัน เซย์เลอร์สรุปแนวทางนี้ว่าเป็นโมเดล “*การลงทุนบิตคอยน์แบบเทอร์โบชาร์จ*” ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาแนวทางการลงทุนในคริปโตที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่ามาตรฐานทั่วไป
ความคิดเห็น 0