บิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับแรงกดดัน หลังจากกองทุนรวมดัชนีบิตคอยน์ (Bitcoin ETF) มีเงินทุนไหลออกติดต่อกัน 6 วันทำการ ซึ่งนับเป็นการไหลออกต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่า *การถอนทุนรอบนี้มีแรงขับเคลื่อนมาจากนักลงทุนรายย่อย* มากกว่าบรรดาสถาบัน ส่งสัญญาณถึงความเปลี่ยนแปลงใน ‘ความเชื่อมั่นของตลาด’
เมื่อวันที่ 26 ราคาของบิตคอยน์ลดลงกว่า 2% หลุดระดับ 109,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.99 ล้านบาท) ทำให้ตลาดคริปโตรายใหญ่เข้าสู่ภาวะซบเซาอีกครั้ง ความวิตกกังวลว่าอาจเข้าสู่ช่วง ‘ฐานต่ำสุด’ หรือไม่ จึงเริ่มทวีความชัดเจนขึ้น
แพลตฟอร์มวิเคราะห์ออนเชนอย่าง ซานติมเมนต์(Santiment) เปิดเผยว่า นักลงทุนรายย่อยมักจะ ‘ขายทำกำไร’ เมื่อตลาดดูเหมือนแตะจุดสูงสุด และพฤติกรรมเช่นนี้ *อาจบ่งชี้ถึงโอกาสการฟื้นตัวของตลาด* ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงตลาดร่วงหนักเดือนเมษายน ซึ่งภายหลังก็มีการฟื้นตัวตามมา
ด้านเว็บไซต์วิเคราะห์ บิตคอยน์ เวกเตอร์(Bitcoin Vector) มองว่า แม้ตลาดอาจกำลังเผชิญกับ ‘แรงปรับฐานระยะสั้น’ แต่โครงสร้างเทคนิคโดยรวมยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น พร้อมย้ำว่าดัชนีโครงสร้าง ‘Structure Shift’ แสดงถึงศักยภาพในการรีบาวด์ อย่างไรก็ตาม สัญญาณโมเมนตัมที่พลิกเป็นลบ *อาจนำสู่ความเสี่ยงด้านขาลงในช่วงสั้น* ซึ่งทำให้ตลาดอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญระหว่างการฟื้นตัวต่อเนื่องหรือแผนภาพแนวโน้มที่พลิกกลับ
ในขณะเดียวกัน บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน คริปโตควอนต์(CryptoQuant) ระบุว่า แนวรับหลักของบิตคอยน์ในตอนนี้อยู่ที่ระดับ 105,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.84 ล้านบาท) หากราคาหลุดระดับนี้ อาจเกิดแรงเทขายที่มากขึ้น แต่ถ้ารักษาระดับไว้ได้ ก็มีโอกาสเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาและเริ่มวัฏจักรฟื้นตัวใหม่ โดยเสริมว่า *แม้ยังอยู่ในภาวะขายสุทธิ แต่แรงขายเริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว* ซึ่งชี้ให้เห็นถึงปัจจัยบวกที่อาจกำลังก่อตัว
แม้การไหลออกของทุนจาก Bitcoin ETF รอบนี้อาจซ้ำเติมแรงเหวี่ยงขาลงในระยะสั้น แต่อดีตก็แสดงให้เห็นว่าเมื่อตลาดถูกขายจนเกินควร บางครั้งสัญญาณการฟื้นตัวก็ตามมา นักลงทุนจึงควรจับตาอย่างใกล้ชิดว่านี่คือ ‘โอกาสเข้าซื้อเมื่อราคาต่ำ’ หรือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปรับฐานที่ลึกกว่านี้
ความคิดเห็น 0