โดจคอยน์(DOGE) แม้จะร่วงลงมากว่า 10% ตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แต่เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกจากทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคและข้อมูลจากบล็อกเชนที่ชี้ว่าอาจกำลังเข้าสู่ช่วง *ฟื้นตัว* โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ราว 0.22 ดอลลาร์ หรือประมาณ 306 บาท ซึ่งห่างไกลจากจุดสูงสุดเดิมอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ความสนใจจากนักลงทุนเริ่มจับตามองระดับแนวต้านที่ 0.23 ดอลลาร์ว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่
นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) ระบุว่า หากโดจคอยน์สามารถ ‘ยืนเหนือ’ ระดับ 0.23 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง ก็อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 0.30 ดอลลาร์ หรือราว 417 บาท ได้ในระยะถัดไป ด้านนักลงทุนอีกรายเตือนว่า โซน 0.23-0.24 ดอลลาร์ ถือเป็นเขต ‘เก็งกำไรของวาฬ’ ที่มีการซื้อขายจำนวนมาก หากความเชื่อมั่นของตลาดเปลี่ยนแปลงกะทันหัน แรงขายอาจแซงแรงซื้อได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากระดับดังกล่าวไม่สามารถต้านทานแรงขายได้ ราคาอาจร่วงลงไปใต้ 0.21 ดอลลาร์ หรือราว 292 บาท
มาร์ติเนซยังเสริมด้วยว่า ตัวชี้วัด TD Sequential เพิ่งส่ง ‘สัญญาณซื้อ’ สำหรับโดจคอยน์ ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนความเป็นไปได้ของการรีบาวด์ในระยะสั้น ขณะเดียวกัน สำนักวิเคราะห์คริปโตอย่าง คริปโตอินไซต์ยูเค(Cryptoinsightuk) ก็ออกบทวิเคราะห์มองว่า หาก DOGE สามารถทะลุกรอบแนวต้านระหว่าง 0.20–0.24 ดอลลาร์ (ประมาณ 278–334 บาท) ได้อย่างชัดเจน มีโอกาสเห็นราคาทะยานไปแตะระดับสูงถึง 0.40 ดอลลาร์ หรือราว 556 บาท
นอกจากปัจจัยทางเทคนิคแล้ว *ข้อมูลออนเชน* ก็ส่งสัญญาณเชิงบวกเช่นกัน โดยตลอดเดือนสิงหาคม ปริมาณโดจคอยน์ที่ไหลออกจากกระดานเทรดมากกว่าที่ไหลเข้า ซึ่งเป็นสัญญาณว่า นักลงทุนเริ่มถือสินทรัพย์แบบระยะยาวมากขึ้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสามารถช่วยลดแรงขายในตลาด และสะท้อนถึงระดับความมั่นใจในระยะกลาง
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจาก *การค้นหาบน Google Trends* จะพบว่า ระดับความสนใจของผู้คนต่อโดจคอยน์ยังคงต่ำกว่าช่วงบูมครั้งก่อนในปี 2021 และช่วงต้นปี 2024 อย่างมีนัยสำคัญ หมายความว่าแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อยที่ขับเคลื่อนด้วยความกลัว ‘ตกขบวน’ (FOMO) ยังไม่เกิดขึ้นโดยเต็มตัว ซึ่ง *ความคิดเห็น* จากบางฝ่ายมองว่านี่คือพื้นที่ที่ตลาดยังสามารถเติบโตได้
ในภาพรวม ทั้งสัญญาณเชิงเทคนิคและกระแสเงินออนเชนต่างชี้ไปในทางสนับสนุนแนวโน้มเชิงบวกของโดจคอยน์ โดยจุดตัดสินใจหลักจะอยู่ที่ระดับ *0.23 ดอลลาร์* หากสามารถทะลุผ่านได้อย่างแข็งแกร่ง กระแส "มีมคอยน์ฟีเวอร์" ก็อาจหวนกลับมาอีกระลอกในตลาดคริปโต
ความคิดเห็น 0