ตลาดอนุพันธ์ของบิตคอยน์(BTC) เผชิญกับภาวะ ‘การชำระบัญชีไม่สมดุล’ อย่างรุนแรง ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดคริปโตอย่างมาก โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ข้อมูลจาก CoinGlass แพลตฟอร์มวิเคราะห์อนุพันธ์ระดับโลก ระบุว่า ภายในระยะเวลาเพียง 4 ชั่วโมง มีอัตราการชำระบัญชีที่ต่างกันสูงถึง *1,530%* โดยส่งผลให้มีการชำระบัญชีในสถานะรวมมูลค่ากว่า *5.62 ล้านดอลลาร์* (ราว *781 ล้านบาท*) ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสถานะซื้อ *(Long)* คิดเป็น *5.28 ล้านดอลลาร์* หรือประมาณ *734 ล้านบาท* ขณะที่สถานะขาย *(Short)* ถูกชำระบัญชีเพียง *345,000 ดอลลาร์* เท่านั้น
สาเหตุของเหตุการณ์นี้ถูกวิเคราะห์ว่าเกิดจากการที่ราคา *บิตคอยน์* เคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบระหว่าง *111,000-111,300 ดอลลาร์* (ประมาณ *15.42-15.45 ล้านบาท*) ทำให้เทรดเดอร์ที่คาดว่าจะมีการฟื้นตัวของราคาหลายคนเข้าสู่สถานะ Long อย่างหนาแน่น แต่เมื่อตลาดไม่เป็นไปตามคาด ราคายังคงนิ่ง ทำให้เกิดการชำระบัญชีเป็นวงกว้าง และนำไปสู่การล่มของโครงสร้างที่เอนเอียงไปทางสถานะซื้อ
นักวิเคราะห์ในตลาดชี้ว่า ปัญหาหลักคือ *การใช้เลเวอเรจเกินตัว* และ *สภาพคล่องต่ำ* ส่งผลให้เพียงไม่กี่ออเดอร์ที่ ‘ผิดปกติ’ กลับสร้างแรงกระเพื่อมในวงกว้าง นอกจากนี้ CoinGlass ยังเปิดเผยว่า บนแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Binance และ OKX อัตราส่วนการเปิดสถานะซื้อเทียบกับขายสูงถึง *1.89* และ *1.88* ตามลำดับ ขณะที่เทรดเดอร์ระดับสูงก็ยังเปิดสถานะ Long มากกว่า Short อย่างชัดเจน ซึ่งโครงสร้างเช่นนี้ เพิ่มความเสี่ยงที่อาจเกิด *การชำระบัญชีแบบทวีคูณ* หากราคาผิดทาง
ณ ขณะนี้ ราคาบิตคอยน์เคลื่อนไหวบริเวณ *111,140 ดอลลาร์* (ประมาณ *15.44 ล้านบาท*) แม้ภายนอกจะดูเหมือนมีความนิ่ง แต่ภายในกลับยังคงมี *โครงสร้างเลเวอเรจที่ลำเอียงอย่างรุนแรง* โดยผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป แม้ราคาจะไม่ขยับมาก ก็อาจเกิด *การชำระบัญชีลุกลาม* รอบใหม่ได้อย่างไม่คาดคิด
เหตุการณ์ ‘ชำระบัญชีไม่สมดุล’ ครั้งนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนสำหรับนักลงทุนว่า กลยุทธ์เลเวอเรจที่สูงเกินไปนั้นอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงสูงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ปัจจุบัน ตลาดอนุพันธ์ในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงแสดงให้เห็นถึงความผันผวนที่ไม่เสถียร และนักลงทุนควรให้ความสำคัญกับ *การจัดการความเสี่ยง* มากยิ่งขึ้นในช่วงเวลานี้
ความคิดเห็น 0