การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของบรรดานักลงทุนรายใหญ่อีเธอเรียม(ETH) สร้างความสนใจให้กับตลาดอีกครั้ง เมื่อมีการโอนเหรียญกว่า 260,000 ETH มูลค่าราว 5,985 พันล้านวอนเข้าสู่กระเป๋าดิจิทัลขนาดใหญ่ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง ส่งผลให้ยอดการถือครองรวมของกลุ่มนี้เข้าใกล้ระดับ 29.6 ล้าน ETH นับว่าเป็นหนึ่งใน ‘การซื้อสุทธิ’ ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสัปดาห์ ซึ่งน่าสนใจยิ่งขึ้นตรงที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ราคาอีเธอเรียมกำลังทรงตัวที่ระดับประมาณ 4,400 ดอลลาร์ หรือราว 611,000 บาท
จากข้อมูลของแพลตฟอร์มวิเคราะห์ออนเชน 'คริปโตควอนต์(CryptoQuant)' การสะสมของกลุ่มวาฬรอบนี้สะท้อนถึงแนวโน้มระยะยาวมากกว่าภาวะตลาดชั่วคราว ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ราคา ETH พุ่งจาก 3,600 ดอลลาร์สู่ 4,800 ดอลลาร์ โดยมีการถอนเหรียญออกจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสูงสุดถึง 2.8 ล้าน ETH ในวันเดียว คิดเป็นมูลค่ากว่า 6.4 ล้านล้านวอน แนวโน้มนี้ชี้ว่า ‘กลุ่มผู้ถือครอง’ กำลังเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ไปยังกระเป๋าส่วนตัวเพื่อการถือระยะยาว คาดหวังการเติบโตในอนาคต
นอกจากตัวเลขธุรกรรม ยังเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยเมื่อวันที่ 2 กันยายน อัตราค่าธรรมเนียมการกู้ยืมของตลาดอยู่ที่ระดับ 0.02 และตลอดทั้งเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ค่าเฉลี่ยยังคงเป็นค่าบวก แสดงให้เห็นว่า ‘ฝั่งซื้อ’ หรือการเปิดสถานะ Long ยังคงมีอิทธิพลเด่นเหนือฝั่ง Short อย่างไรก็ตาม การที่ Funding Rate อยู่ในระดับสูงก็เป็นสัญญาณเตือนของความเสี่ยงจากการ *ปรับฐานตลาดในระยะสั้น*
จากมุมมองทางเทคนิคก็มีสัญญาณเชิงบวกที่น่าสนใจ เมอร์ลิน(Merlijn) นักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ชื่อดังมองว่า อีเธอเรียมได้ ‘ทะลุแนวต้านระยะยาว’ ที่เคยเป็นอุปสรรคต่อราคามานานหลายปี และตอนนี้กำลังเคลื่อนไหวกลับมาทดสอบเป็นแนวรับ เขาวิเคราะห์ว่าอีเธอเรียมได้ ‘เข้าสู่ช่วงขยายตัว’ และการเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรขาขึ้นรอบใหม่ พร้อมตั้งเป้าราคาในระยะกลางถึงยาวไว้ที่ระดับ ‘เกิน 7,000 ดอลลาร์’ หรือประมาณ 973,000 บาท
ก่อนหน้านี้ เมอร์ลินยังชี้อีกว่าการปรับตัวขึ้นของ ETH มีความสัมพันธ์อย่างชัดเจนกับตัวชี้วัด M2 หรือปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจโลก โดยระบุว่าระดับราคาต่ำกว่า 2,750 ดอลลาร์นั้น ถือเป็นช่วง ‘สะสมโดยกลุ่มวาฬ’ และจากจุดนั้นมาจนถึงปัจจุบันคือ ‘จุดเริ่มของตลาดขาขึ้น’ ตามมุมมองของเขา
เมื่อรวมปัจจัยทั้งหมด ได้แก่ การสะสมของกลุ่มทุนขนาดใหญ่, การถอนเหรียญออกจากกระดานเทรด, การเบรกแนวต้านที่สำคัญ และแรงสนับสนุนจากฝั่งเลเวอเรจ ก็ทำให้แนวโน้มราคาของอีเธอเรียมดูมีทิศทางขาขึ้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม *ความคิดเห็น* ของนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งยังเตือนว่า ต้องจับตาภาวะความร้อนแรงที่อาจนำไปสู่ความผันผวนในระยะสั้น จึงควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนช่วงนี้
ความคิดเห็น 0