แอนดรูว์ เทต(Andrew Tate) อดีตแชมป์คิกบ็อกซิ่งและบุคคลที่มักเป็นประเด็นถกเถียง ได้หวนคืนสู่การลงทุนใน *คริปโตเคอร์เรนซี* อีกครั้ง โดยเลือกวางเดิมพันในโทเคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* แต่ก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงความสูญเสียได้
เมื่อวันที่ 10 ตามเวลาท้องถิ่น แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน Lookonchain เปิดเผยว่า เทตถูก *บังคับปิดสถานะ (Liquidate)* จากสถานะ 'ลอง(Long)' ในโทเคน ‘เวิลด์ลิเบอร์ตี้ไฟแนนเชียล(WLFI)’ บนกระดานเทรดแบบกระจายศูนย์อย่าง *ไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid)* สูญเสียเงินไปประมาณ 67,500 ดอลลาร์ หรือราว 9.3 ล้านบาท เทตพยายามเดิมพันว่าราคาของ WLFI จะฟื้นตัว แต่กลับโดนปิดสถานะก่อนที่จะเป็นไปตามคาด
อย่างไรก็ตาม เทตไม่ได้ยอมแพ้ เพราะไม่นานหลังจากถูกปิดสถานะ เขาได้เปิด 'ลอง' ใหม่ในโทเคน WLFI ทันที Lookonchain รายงานผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล X (เดิมชื่อทวิตเตอร์) ว่า “ทันทีหลังจากโดนลิควิด เทตก็เปิดสถานะลองใหม่อย่างรวดเร็ว”
การขาดทุนครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งบทในซีรีส์การลงทุนใน *คริปโต* ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของเทต โดยเมื่อเดือนก่อน เขาได้วางสถานะ ‘ชอร์ต 3 เท่า’ กับโทเคน YZY ซึ่งเชื่อมโยงกับแรปเปอร์ดัง *เย(Ye)* หรือชื่อเดิม *คานเย เวส(Kanye West)* และสูญเสียเงินรวมแล้วประมาณ 700,000 ดอลลาร์ หรือราว 9.7 ล้านบาท จากบัญชีเดียวบนไฮเปอร์ลิควิด
แม้จะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามนับล้านบนแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ แต่ในโลกของ *เงินดิจิทัล* เทตยังคงถูกมองว่าเป็นนักลงทุนที่มี ‘โชคไม่เข้าข้าง’ ทั้ง WLFI และ YZY ต่างก็เป็นโทเคนในหมวด *มีมโทเคน* ซึ่งมักเชื่อมโยงกับบุคคลในวงการการเมืองหรือบันเทิง มีความผันผวนสูงและเต็มไปด้วยความเสี่ยงในเชิงเก็งกำไร
กรณีของเทตเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างว่า การลงทุนใน *มีมโทเคน* โดยคนดังยังคงได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนทั่วไป และจุดประกายการถกเถียงว่า *อิทธิพลของคนดังต่อพฤติกรรมตลาด* ยังมีอยู่มากเพียงใดในยุคสินทรัพย์ดิจิทัล
ความคิดเห็น 0