เพนกวินอ้วน(PENGU) กำลังได้รับความสนใจหลังจากทดสอบแนวรับที่ระดับ 0.035 ดอลลาร์ (ประมาณ 49 บาท) อีกครั้ง ซึ่งสร้างความหวังต่อการฟื้นตัวทางด้านเทคนิค นักวิเคราะห์มองว่าการปรับฐานในรอบนี้ถือเป็น *ช่วงพักฐานที่ดีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการกลับขึ้น* และอาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ถึง 180%
ขณะนี้ เพนกวินอ้วนซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 0.033 ดอลลาร์ (ราว 46 บาท) ลดลง 6% ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และลดลงประมาณ 4% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยการย่อตัวในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ราคาทะลุเส้นแนวโน้มขาลงที่เริ่มต้นเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งการย่อตัวครั้งแรกนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกรอบ 0.035–0.036 ดอลลาร์ที่ถือเป็น *แนวรับสำคัญที่ซ้อนทับกับแนวฟีโบนัชชี 0.786* ซึ่งอาจเป็นจุดชี้ขาดว่าราคาจะสามารถดีดกลับขึ้นได้หรือไม่
อาลี มาร์ติเนซ (Ali Martinez) นักวิเคราะห์สายออนเชนให้ *ความคิดเห็นว่าเป็นโครงสร้างการย่อตัวก่อนเปลี่ยนแนวโน้มกลับขึ้นแบบคลาสสิก* พร้อมระบุเป้าหมายระยะกลางที่ 0.09 ดอลลาร์ (ประมาณ 125 บาท) โดยมีแนวต้านสำคัญถัดไปที่ 0.0466 ดอลลาร์ (65 บาท), 0.0638 ดอลลาร์ (89 บาท) และ 0.0761 ดอลลาร์ (106 บาท) ตามลำดับ ตามการขยายค่า Fibonacci
นอกจากนี้ ‘Altcoin Sherpa’ นักเทรดชื่อดังมองในเชิงบวกจากกราฟ 4 ชั่วโมงที่แสดงให้เห็นว่าเพนกวินอ้วนกำลังสร้าง *คลัสเตอร์แนวรับระยะสั้น* ใกล้ระดับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 20, 50, 100, และ 200 วัน รวมถึงระดับฟีโบนัชชี 0.382 ที่ 0.03178 ดอลลาร์ (ราว 44 บาท) โดยชี้ว่าหากสามารถฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนจากบริเวณนี้ ก็อาจเป็นฐานสำหรับการปรับขึ้นต่อเนื่อง
จากมุมมองของปริมาณการซื้อขาย ข้อมูลจากดัชนี VPVR (Volume Profile Visible Range) ชี้ว่า *บริเวณ 0.032–0.033 ดอลลาร์ (45–46 บาท)* เป็นช่วงที่มีการซื้อขายสะสมมากที่สุด ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจและแรงสนับสนุนจากตลาดในระดับราคานี้
ในภาพระยะกลาง หากราคาสามารถขึ้นไปเหนือ 0.036 ดอลลาร์ (ประมาณ 50 บาท) ได้อย่างมั่นคง ก็อาจเปิดทางให้เกิด *แนวโน้มการสร้างจุดสูงใหม่* และมีโอกาสเห็นการวิ่งไปที่ระดับ 0.046 ดอลลาร์ (64 บาท) อย่างไรก็ตาม หากแนวรับ 0.035 ดอลลาร์ (49 บาท) ถูกทำลาย ก็อาจนำไปสู่แรงกดดันเพิ่มเติม โดยอาจปรับลงสู่ระดับ 0.0271 ดอลลาร์ (38 บาท) หรือแม้กระทั่งโซน 0.022–0.025 ดอลลาร์ (31–35 บาท)
ที่สำคัญ เพนกวินอ้วนเคยแสดงพฤติกรรมราคาในรูปแบบ ‘ขึ้น → ย่อ → ขึ้นต่อ’ ซ้ำหลายรอบในอดีต ซึ่งทำให้นักเทรดจับตามองว่ารอบนี้อาจเป็น *จุดเปลี่ยนในวงจรขาขึ้นอีกครั้ง* ระยะสั้นต้องจับตาการยืนเหนือแนวรับ ส่วนในระยะกลาง การกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นจะเป็นตัวแปรหลักต่อทิศทางราคาในอนาคต
ความคิดเห็น 0