อีเธอเรียม(ETH) ร่วงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ (ราว 5.55 ล้านบาท) ส่งแรงกดดันให้ตลาดคริปโตกลับมาเผชิญความตึงเครียดอีกครั้ง โดยการร่วงลงในครั้งนี้ทำให้เกิดความแตกแยกในความคิดเห็นของนักลงทุนอย่างชัดเจน บางส่วนมองว่านี่คือ ‘คำเตือนถึงความเสี่ยงของดีไฟน์(DeFi)’ และเริ่มเพิ่มความระมัดระวัง ในขณะที่กลุ่มอื่นๆ เชื่อว่าเป็นเพียงการปรับฐานชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อวันที่ 26 ในช่วงตลาดเอเชีย อีเธอเรียมดิ่งลงถึง 3,994 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.55 ล้านบาท) ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อมีรายงานจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Lookonchain ว่ามีการล้างพอร์ตของวาฬคริปโตรายหนึ่งถึง 9,152 ETH คิดเป็นมูลค่า 36.4 ล้านดอลลาร์ (เกือบ 505 ล้านบาท) ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนรายดังกล่าวขาดทุนสะสมสูงถึง 45.3 ล้านดอลลาร์ (ราว 629 ล้านบาท) และเหลือเงินในบัญชีไม่ถึง 500,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.95 ล้านบาท)
การถูกชำระบัญชีในระดับมหาศาลสร้าง *ความกังวลใหม่ต่อความเปราะบางของระบบดีไฟน์* โดยนักลงทุนสายคริปโตชื่อดัง ‘ChainYoda’ ระบุว่า “ในโลกของดีไฟน์ทุกวันนี้ไม่อาจพูดถึงคำว่า ‘การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ’ ได้อีกต่อไป” พร้อมโจมตีว่าบิทาลิก บูเธอริน ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม กำลังมองข้าม ‘ภัยคุกคามเชิงระบบ’ จากดีไฟน์ แม้บูเธอรินเพิ่งเขียนบทความแสดงความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของดีไฟน์ว่าเติบโตเต็มที่แล้วก็ตาม
นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า *ต้นตอของปัญหามาจากการใช้เลเวอเรจโดยไม่มีจุดหยุดขาดทุน (stop loss)* มากกว่าตัวปริมาณการลงทุนเอง ผู้ใช้รายหนึ่งกล่าวว่า “การเทรดดีไฟน์ด้วยเลเวอเรจ คือเกมที่ต้องจ่าย ‘ค่าตอบแทนที่สูงมาก’ เสมอ” ขณะที่ผู้ใช้อีกรายเผยเตรียมอาศัยราคาร่วงเพื่อเข้าสะสมในจังหวะต่ำ
ที่น่าสนใจคือ มีนักวิเคราะห์เริ่มมองว่านี่อาจไม่ใช่แค่การปรับฐาน แต่เป็น ‘กับดักตลาดหมี (bear trap)’ ชั่วคราว โดยนักเทคนิคคนดัง ‘ChartingGuy’ วิเคราะห์ว่า การร่วงในรอบนี้เป็นการสลัดเลเวอเรจส่วนเกินออกจากระบบเพื่อ ‘เตรียมตัวรับขาขึ้นในระยะกลางถึงยาว’ อีกทั้ง นักวิเคราะห์นามว่า ‘Hitman42’ เสริมว่า “กลุ่มผู้ถือโพซิชันความเสี่ยงต่ำเริ่มเข้าซื้อสะสม ส่วนรายที่ใช้เลเวอเรจสูงจะถูกดีดออกจากระบบ”
ที่ผ่านมา โจนนี อู นักวิเคราะห์คริปโตที่จับตามองอีเธอเรียมอย่างใกล้ชิด เคยเตือนตั้งแต่ต้นเดือนว่า “การร่วงลงในเดือนกันยายนอาจกลายเป็น ‘กับดักตลาดหมี’ ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” โดยเขาคาดการณ์ว่าอีเธอเรียมจะไต่ระดับกลับจากแนวรับหลักที่ 3,350 ดอลลาร์ (ราว 4.66 ล้านบาท) ตั้งแต่เดือนตุลาคม และอาจทำ *จุดสูงสุดใหม่* ได้ในช่วงพฤศจิกายน ซึ่งสะท้อนรูปแบบในปี 2021 ที่ราคาร่วง 30% ในเดือนกันยายนแต่พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน
ท่ามกลางตลาดที่เต็มไปด้วย *ความผันผวน* ความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มเชิงบวกับกลุ่มที่ระมัดระวังยังช่วยยืนยันว่า “อีเธอเรียมยังเป็นจุดศูนย์กลางของความขัดแย้ง” ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0