ประเทศกลุ่ม G7 กำลังเร่งจัดทำกรอบการกำกับดูแลเกี่ยวกับ ‘เหรียญสเตเบิลคอยน์’ อย่างเข้มข้น โดยล่าสุดสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายใหม่ในระดับรัฐบาลกลาง ขณะที่สหภาพยุโรปเริ่มบังคับใช้กฎเกณฑ์ครอบคลุมผ่านกฎหมายว่าด้วยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล (MiCA) ส่วนญี่ปุ่นก็ได้วางโครงสร้างการออกและซื้อขายเหรียญที่ผูกกับค่าเงินเยนมาใช้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เท่ากับว่าเทคโนโลยีสเตเบิลคอยน์กำลังเข้าสู่กระบวนการควบคุมจากภาครัฐอย่างเป็นทางการในประเทศกลุ่ม G7
ที่ผ่านมา ตลาดสเตเบิลคอยน์ถูกครอบครองโดยเหรียญที่เชื่อมมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐอย่าง เตเธอร์(USDT) และ USD คอยน์(USDC) ของบริษัทเซอร์เคิล อย่างไรก็ตาม โมเดลตลาดเริ่มเปลี่ยนเมื่อหลายประเทศใน G7 เปิดไฟเขียวให้มีการออก ‘สเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับสกุลเงินท้องถิ่น’ วิธีคิดนี้สะท้อนความพยายามควบคุมเทคโนโลยีล้ำสมัย และเป็นยุทธศาสตร์เพื่อเสริมสร้างอำนาจอธิปไตยทางการเงิน โดยการมีเหรียญที่ตรึงกับสกุลเงินของตนเองยังช่วยส่งเสริมนโยบายการเงินที่เป็นอิสระ ป้องกันการฟอกเงิน และคุ้มครองนักลงทุนในประเทศ
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ G7 ยังถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันเพื่อจัดระเบียบโลกใหม่ด้านการเงินดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อกลุ่ม BRICS—ได้แก่ บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้—ต่างมุ่งเน้นการพัฒนา ‘เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง’ (CBDC) แทนที่จะพึ่งพาเหรียญเอกชน ทำให้ G7 ต้องปรับยุทธศาสตร์เพื่อรักษาสมดุลเชิงนโยบาย และวางรากฐานอำนาจของ ‘ดอลลาร์สหรัฐ’ ในระบบการเงินดิจิทัล
‘ความคิดเห็น’: การที่แต่ละประเทศพัฒนาแนวทางการกำกับดูแลเหรียญสเตเบิลคอยน์ในลักษณะเฉพาะตน อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบการเงินโลก ทิศทางต่อจากนี้ของ G7 ซึ่งมุ่งสร้างระบบนิเวศที่ผสานระหว่าง ‘เทคโนโลยีและกฎระเบียบ’ จึงเป็นประเด็นที่ทั้งนักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0