โครงสร้างการเงินใหม่ในโลกคริปโตกำลังได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังจากที่สถาบันวิจัยบล็อกเชนระดับโลก ‘ไทเกอร์รีเสิร์ช’ (Tiger Research) เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า ระบบ ‘เคลียร์ริ่ง’ ของ *เอเวอร์เคลียร์(Everclear)* เริ่มกลายเป็นคำตอบของปัญหา *การกระจายตัวของเชน* (Chain Fragmentation) ซึ่งกำลังทำให้ *สภาพคล่อง* ในโลกคริปโตไร้ประสิทธิภาพและเกิดต้นทุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานจากไทเกอร์รีเสิร์ชเมื่อวันที่ 24 ระบุว่า ขณะนี้มีเครือข่าย *บล็อกเชน* ที่แยกส่วนกันอยู่มากกว่า 400 แห่งทั่วโลก ส่งผลให้สินทรัพย์ดิจิทัลถูกแบ่งออกเป็นส่วนย่อยๆ บนแต่ละเชน และเมื่อมีการเคลื่อนย้ายข้ามเชน (Cross-chain) ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้หรือแพลตฟอร์มผู้ให้บริการก็ต้องแบกรับ *ค่าธรรมเนียม* ที่สูงขึ้น รวมถึงภาระในการปรับสมดุลสภาพคล่อง (Rebalancing) ที่ซับซ้อน ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีการสรุปเชน (Chain Abstraction) ที่ถูกเสนอเป็นทางออก กลับไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นตอได้จริง และกลายเป็นการถ่ายโอนภาระต้นทุนไปสู่ผู้ใช้ปลายทางแทน
เอเวอร์เคลียร์เข้ามาแก้เกมนี้ด้วยแนวคิด “การหักกลบลบหนี้” หรือ ‘Offsetting’ ซึ่งเหมือนกับระบบ *เคลียร์ริ่ง* ในโลกการเงินดั้งเดิม กล่าวคือ แทนที่จะเกิดการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์จริงระหว่างแต่ละเชนทุกครั้ง เอเวอร์เคลียร์จะรวมธุรกรรมข้ามเชนไว้แล้วดำเนินการ *หักกลบ* กันอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและความจำเป็นในการย้ายสินทรัพย์ไปมา ตัวอย่างเช่น โปรโตคอล *ดีไฟ* *ไรโนไฟ(Rhino.fi)* หลังใช้งานเอเวอร์เคลียร์ก็สามารถลดต้นทุนจากการรีบาลานซ์ลงได้ถึง *97%* พร้อมทั้งลดระยะเวลาการปรับยอดจากหนึ่งสัปดาห์ เหลือเพียง *30 นาที* เท่านั้น ซึ่งข้อมูลทั้งหมดได้รับการยืนยันในรายงานโดยไทเกอร์รีเสิร์ช
*ตัวเลขล่าสุด* ยังสะท้อนถึงศักยภาพของระบบนี้ โดยมูลค่าธุรกรรมสะสมของเอเวอร์เคลียร์พุ่งขึ้นแตะระดับ *2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* เพิ่มขึ้นกว่า *100 เท่า* จากต้นปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ปริมาณการประมวลผลรายเดือนยังเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ พร้อมรองรับเชนมากถึง *23 เครือข่าย* และตั้งเป้าขยายเป็น *40* เชนภายในสิ้นปีนี้ โดยยิ่งมีเชนมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการทำธุรกรรมหักกลบ และยิ่งทำให้ ‘ข้อได้เปรียบ’ ของเอเวอร์เคลียร์เด่นชัดมากขึ้น
โลกของ *สเตเบิลคอยน์* ก็เริ่มกลายเป็นพื้นที่ที่เอเวอร์เคลียร์มีบทบาทมากขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากในแต่ละเชนมีการใช้งานสเตเบิลคอยน์ที่แตกต่างกันทั้ง USDT, USDC, PYUSD, MUSDC รวมถึงสเตเบิลคอยน์ท้องถิ่นที่อิงค่าเงินยูโร เยน หรือวอน ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการกระจายตัว เอเวอร์เคลียร์ในปัจจุบันมีศักยภาพรองรับการจัดการสภาพคล่องระหว่างสเตเบิลคอยน์เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการดำเนินการ ‘เคลียร์’ แบบกลุ่ม หรือใช้ *โทเคนกลางจากสมาคมร่วม* ในการรวมและตัดยอดธุรกรรม
ในมุมมองของไทเกอร์รีเสิร์ช เอเวอร์เคลียร์มีศักยภาพในการกลายเป็น *โครงสร้างมาตรฐานใหม่* สำหรับวงการ *ครอสเชนและสเตเบิลคอยน์* ในรูปแบบเดียวกับที่ *วีซ่า(VISA)* เคยปฏิวัติวงการการชำระเงินโลก “ความคิดเห็น” ระบุชัดว่า ในยุคที่ดีไฟ, CEX และ RWA กำลังกลายเป็นเสาหลักใหม่ของเศรษฐกิจแบบออนเชน เทคโนโลยีที่ช่วยให้สภาพคล่องถูกใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายได้อย่างชัดเจนคือสิ่งที่ตลาดต้องการ
ท้ายที่สุด เอเวอร์เคลียร์ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือสำหรับการย้ายสินทรัพย์แบบข้ามเชนทั่วไป แต่กำลังเปลี่ยนโครงสร้างของเศรษฐกิจคริปโตที่ต้องรับมือกับโลก *มัลติเชน* อย่างเต็มรูปแบบ โดยยิ่งมีเชนมากขึ้น ระบบก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นตามหลัก ‘Network Effect’ และในสายตาของไทเกอร์รีเสิร์ช เอเวอร์เคลียร์ได้เริ่มยืนในฐานะ ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ แห่งยุคใหม่ของโลกบล็อกเชนอย่างแท้จริงแล้ว.
ความคิดเห็น 0