Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

CoinEasy ชี้ บิตคอยน์(BTC)–อีเธอเรียม(ETH) กำลังเป็น 'สินทรัพย์ยุทธศาสตร์' แห่งโลกการเงินใหม่

CoinEasy ชี้ บิตคอยน์(BTC)–อีเธอเรียม(ETH) กำลังเป็น 'สินทรัพย์ยุทธศาสตร์' แห่งโลกการเงินใหม่ / Tokenpost

สื่อวิเคราะห์สินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก CoinEasy เปิดเผยในรายงานวิจัยล่าสุดว่า *บิตคอยน์(BTC)* และ *อีเธอเรียม(ETH)* กำลังกลายเป็นสินทรัพย์ที่มี ‘ความสำคัญเชิงกลยุทธ์’ เกินกว่าการเป็นเพียงแค่เครื่องมือเพื่อการลงทุน โดยประเมินว่าบิตคอยน์กำลังพัฒนาสู่ ‘เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงินระดับประเทศ’ ขณะที่อีเธอเรียมกลายเป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินหลักของวอลล์สตรีท’ การเปลี่ยนแปลงนี้ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนควรปรับมุมมองในระยะยาวเกี่ยวกับคริปโตอย่างจริงจัง

ในฝั่งของบิตคอยน์ การที่บริษัท ไมโครสตราเทจี(MicroStrategy) ถือครองบิตคอยน์มากกว่า 600,000 เหรียญ ทำให้มูลค่าการถือครองของบริษัทนี้สูงกว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของบางประเทศ CoinEasy ชี้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ไมโครสตราเทจีกลายเป็นเหมือน ‘แทงก์เก็บบิตคอยน์ระดับประเทศ’ ซึ่งอาจถือเป็นแนวทางหนึ่งของ ‘Sovereign Put’ โดยหากรัฐบาลต้องการถือครองบิตคอยน์จำนวนมากแต่ไม่ต้องการส่งผลกระทบต่อตลาดโดยรวม การเข้าซื้อกิจการเช่นไมโครสตราเทจีอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจยิ่งกว่า

ข้อจำกัดด้านสภาพคล่องของตลาดยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ทำให้แม้นักลงทุนรายใหญ่หรือภาครัฐเองก็ไม่สามารถซื้อบิตคอยน์จำนวนมากได้โดยตรงโดยไม่กระทบราคาตลาด วิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพกว่าคือการลงทุนในบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์อยู่แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทำไมมูลค่าหุ้นของไมโครสตราเทจีจึงมักสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สิน BTC ที่บริษัทรายงานไว้

ในขณะที่อีเธอเรียมกำลังถูกมองว่าเป็น ‘Wall Street Put’ หรือระบบที่ได้รับการปกป้องจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ โดยมีการนำมาใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานในระบบการเงินดิจิทัลของวอลล์สตรีท จุดแข็งของอีเธอเรียม เช่น ฟังก์ชันสมาร์ตคอนแทรกต์ การกระจายศูนย์ และความสามารถในการขยายระบบอย่างไร้พรมแดน ก่อให้เกิดความไว้วางใจในหมู่บริษัทการเงินขนาดใหญ่ ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง JPมอร์แกน, โกลด์แมนแซคส์ และซิตี้แบงก์ ต่างพึ่งพาอีเธอเรียมสำหรับการออกดอลลาร์ดิจิทัล ซึ่งหมายความว่าอนาคตของพวกเขาผูกพันกับเสถียรภาพของระบบอีเธอเรียมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

CoinEasy ยังแสดงความเห็นว่า DAO (องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายอำนาจ) และโครงการดีไฟน์บนอีเธอเรียมอาจได้รับการคุ้มครองทางยุทธศาสตร์จากสถาบันการเงินในอนาคต และสิ่งนี้สะท้อนถึงบทบาทใหม่ของแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจัดการความเสี่ยงในระบบการเงินโลกอีกด้วย

แนวโน้มดังกล่าวอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ระยะยาวใน ETH เนื่องจากสถาบันการเงินต้องถือ ETH เพื่อรักษาสถานะและรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตนพัฒนา ส่งผลทั้งต่อความปลอดภัยของเครือข่ายและมูลค่าของโทเคน รายงานยังกล่าวด้วยว่าโครงสร้างนี้จะส่งผลเชิงบวกต่อผู้ใช้งานในระบบนิเวศอีเธอเรียม โดยมอบ ‘ประโยชน์จากการปกป้องทางอ้อม’ ให้แก่ผู้ถือเหรียญด้วย

สรุปแล้ว รายงานชี้ว่าไมโครสตราเทจีและอีเธอเรียมกำลังกลายเป็นศูนย์กลางอำนาจใหม่แห่งโลกการเงินดิจิทัลในรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยไมโครสตราเทจีทำหน้าที่เป็นช่องทางการลงทุนระดับรัฐ ขณะที่อีเธอเรียมเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงข่ายการเงินโลก ทั้งสองจึงควรถูกพิจารณาเป็น ‘สินทรัพย์ยุทธศาสตร์’ ที่สำคัญในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ การลงทุน และการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1