ทางการอังกฤษอาจไม่นำรายได้ทั้งหมดจากการยึดบิตคอยน์(BTC)คืนให้เหยื่อคดีหลอกลวงทางคริปโตทั้งหมด หลังมีรายงานว่าอาจมีการนำบางส่วนเข้าสู่คลังหลวง Financial Times รายงานเมื่อวันที่ 24 ว่า ศาลสูงอังกฤษมีมติให้คืนเงินลงทุนเดิมให้แก่ผู้เสียหาย แต่ส่วนต่างจากราคาเหรียญที่พุ่งขึ้นนั้นอาจตกเป็นของกระทรวงการคลังได้
คดีดังกล่าวเริ่มต้นในปี 2018 เมื่อเจ้าหน้าที่อังกฤษจับกุมองค์กรหลอกลวงในแถบลอนดอนเหนือได้ พร้อมยึดบิตคอยน์กว่า 61,000 เหรียญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของคดีหลอกลวงนักลงทุนชาวจีนกว่า 128,000 ราย มูลค่าความเสียหายในขณะนั้นอยู่ที่ราว 640 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท แต่เนื่องจากราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมาก ทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวมที่ยึดได้ในปัจจุบันพุ่งสูงถึง 7,240 ล้านดอลลาร์ หรือราว 10.6 หมื่นล้านบาท
ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดการรายได้จากอาชญากรรมของอังกฤษ (Proceeds of Crime Act) ทรัพย์สินที่ยึดได้สามารถคืนแก่ผู้เสียหายบางส่วนตามคำสั่งศาล แต่โดยหลักทั่วไปจะถูกโอนเข้าสู่กระทรวงมหาดไทยหรือกองทุนรวมภาครัฐ นั่นอาจเป็นช่องให้ทางการใช้กำไรจากบิตคอยน์ก้อนนี้ช่วยกลบงบประมาณขาดดุลที่แตะระดับ 3 หมื่นล้านปอนด์ หรือประมาณ 5.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งแหล่งข่าวบางรายก็สนับสนุนขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ถูกตั้งคำถามอย่างหนัก โดยเฉพาะจากนักกฎหมายและกลุ่มสิทธิเหยื่อ ที่ชี้ว่าหากรัฐนำรายได้นี้เก็บเองแทนที่จะคืนผู้เสียหาย อาจเปิดศึกทางกฎหมายครั้งใหญ่ และยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมอีกด้วย Financial Times ยังเสริมว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังเองได้รับคำแนะนำให้ยังไม่บันทึกทรัพย์สินนี้ในงบการเงินของรัฐด้วย
การตัดสินใจเรื่องนี้ไม่เพียงแต่กระทบเหยื่อในคดีเท่านั้น แต่ยังอาจเป็น ‘หมุดหมายใหม่’ ในการกำหนดมาตรฐานการจัดการทรัพย์สินคริปโตในระดับประเทศอีกด้วย เป็นประเด็นที่สะท้อนถึงความซับซ้อนด้านกฎหมายและจริยธรรมในการยึดและแจกจ่ายทรัพย์คริปโตที่ทั่วโลกกำลังต้องจับตา
ความคิดเห็น 0