Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ผลตอบแทนบิตคอยน์(BTC) หลัง Halving ปี 2025 ลดลงเหลือ 1.9 เท่า แต่บริษัทยักษ์แห่สะสมกว่า 1 ล้านเหรียญ

ผลตอบแทนบิตคอยน์(BTC) หลัง Halving ปี 2025 ลดลงเหลือ 1.9 เท่า แต่บริษัทยักษ์แห่สะสมกว่า 1 ล้านเหรียญ / Tokenpost

บิตคอยน์(BTC)แม้จะสร้างสถิติ ‘ราคาสูงสุดใหม่’ ในแต่ละรอบหลังผ่านการ ‘ลดรางวัลคริปโต’ (Halving) แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในรอบล่าสุดของปี 2025 พบว่าผลตอบแทนหลัง Halving อยู่ที่เพียง *1.9 เท่า* เท่านั้น ซึ่งเป็นการลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับการพุ่งขึ้นถึง *29 เท่า* ในรอบปี 2017 และ *6.7 เท่า* ในรอบปี 2021

เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) รายงานจาก CoinGecko ระบุว่า แนวโน้มผลตอบแทนหลัง Halving ของบิตคอยน์กำลังลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลังการ Halving ครั้งที่ 2 โดยแม้การลดรางวัลจะช่วยสร้าง ‘ความหายาก’ และเป็นปัจจัยดันราคาขึ้นในระยะสั้น แต่ในการพิจารณาระยะยาว การทำกำไรกลับทยอยลดต่ำลง อันเป็นผลมาจากรางวัลต่อบล็อกที่ลดเหลือเพียง 3.125BTC ในปัจจุบัน

ในรอบปี 2025 บิตคอยน์มีจุดสูงสุดที่ระดับ *73,400 ดอลลาร์* เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ก่อนการ Halving ครั้งที่ 4 ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติ เพราะทั่วไปแล้ว จุดสูงสุดมักตามหลังการ Halving ไม่ใช่ก่อนหน้า

แม้ผลตอบแทนลดลง แต่ความเชื่อมั่นของบริษัทและนักลงทุนรายใหญ่ยังคงแข็งแกร่ง ข้อมูลล่าสุดในเดือนตุลาคม 2025 เผยว่า บริษัทจดทะเบียนทั่วโลกกว่า 200 แห่งถือครองบิตคอยน์รวม *1,040,061 BTC* หรือคิดเป็นประมาณ 5% ของอุปทานทั้งหมด โดยบริษัทกลยุทธ์บิตคอยน์ หรือ ‘กลยุทธ์’ เป็นผู้ถือครองรายใหญ่ที่สุดที่ *640,031 BTC* หรือกว่า 63.2% ของบิตคอยน์ที่บริษัททั้งหมดครอบครอง รวมถึงเพิ่งเข้าซื้อเพิ่มอีก *4,048 BTC* หรือเกือบ 1,000 ล้านบาทไปเมื่อวันที่ 2 กันยายน

บริษัทรายใหญ่อื่นที่กระโดดเข้าสะสมบิตคอยน์ คือ ‘ทเวนตี้วัน’ (21) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเทเธอร์, บิทฟิเนกซ์, คันโต้ ฟิตซ์เจอรัลด์ และซอฟต์แบงก์ ได้เข้าซื้อเพิ่ม *43,514 BTC* ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทำให้กลายเป็นผู้ถือครองลำดับที่ 3 ขณะที่บริษัทเฮลท์แคร์จากสหรัฐ ‘คายด์ลี่MD(KindlyMD)’ ได้ควบรวมกับ Nakamoto BTC Holdings และถือครองเพิ่ม *5,765 BTC* พร้อมกับมีแผนระดมทุนกว่า 6.95 แสนล้านบาทเพื่อขยายกิจการ ขณะที่บริษัทในญี่ปุ่นอย่าง 'เมตาแพลนเน็ต' และยุโรปอย่าง 'เทรเชอรี่BV' ก็กำลังเร่งสะสมบิตคอยน์ โดยเทรเชอรี่BVเพียงรายเดียวดึงเงินลงทุนสูงถึง *147 ล้านดอลลาร์* หรือราว *2,000 ล้านบาท* และใช้ซื้อบิตคอยน์กว่า 1,000 เหรียญ

นอกจากการถือครองที่สูงขึ้นแล้ว โครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายก็ยกระดับขึ้นชัดเจน ด้วย ‘ค่าแฮชเรต’ (Hashrate) ที่พุ่งขึ้นจาก *6.7 ล้าน TH/s* มาอยู่ที่ *1.266 ZH/s* ในปัจจุบัน ซึ่งเทียบเท่าการเติบโตถึง *88%* ภายในเวลาเพียงปีเดียว เป็นสัญญาณว่าเครือข่ายกำลังได้แรงหนุนจากผู้เข้าขุดทั้งรายย่อยและรายใหญ่

ในสหรัฐ เครือข่ายขุดบิตคอยน์ก็เติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นกัน โดยเฉพาะจากแนวนโยบายในยุคประธานาธิบดีทรัมป์ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศและการย้ายฐานจากจีน ส่งผลให้ผู้ผลิตเครื่องขุดรายใหญ่จากจีน ทั้ง บิทเมน(Bitmain), แคนนอน(Canaan) และไมโครบีที(MicroBT) ขยายการดำเนินงานมายังอเมริกา และช่วยให้เหมืองสหรัฐสามารถพัฒนาโครงสร้างด้านพลังงาน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน บริษัทใหญ่ เช่น มาราธอน, คลีนสปาร์ก, ไฮฟ์ และฮัต8 ต่างเร่งลงทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ‘อเมริกัน บิตคอยน์ คอร์ป’ (American Bitcoin Corp) ซึ่งก่อตั้งโดยเอริก ทรัมป์ ก็เพิ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก เพื่อขยายการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมบิตคอยน์ของสหรัฐอีกด้วย

แม้ผลตอบแทนต่อรอบจะไม่หวือหวาเหมือนในอดีต แต่บิตคอยน์ยังคงพิสูจน์ตัวเองในฐานะสินทรัพย์ที่ *ได้รับความเชื่อถือ* จากทั้งนักลงทุนสถาบัน, บริษัทจดทะเบียน และผู้ให้บริการขุดทั่วโลก ความเข้มแข็งของระบบนิเวศภายในยังคงเสริมสร้างรากฐานให้แน่นหนา แม้จะไม่มี ‘การพุ่งทะยานแบบระเบิด’ ดังเช่นในอดีตก็ตาม ความยั่งยืนในแบบใหม่ของบิตคอยน์เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในรอบนี้

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1