ราคาบิตคอยน์(BTC)พุ่งทะลุจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเหมืองคริปโตและบริษัทที่ถือครองสกุลเงินดิจิทัลในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นแรง หลายบริษัทปิดตลาดวันจันทร์ด้วยอัตราการเติบโตระดับ ‘สองหลัก’
บริษัทเหมืองคริปโตชื่อดังจากอังกฤษ อาร์โก บล็อกเชน(Argo Blockchain) กลายเป็นผู้รับผลประโยชน์สูงสุดจากกระแสราคาบิตคอยน์ โดยหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนพุ่งขึ้นกว่า *96%* ปิดที่ 5.3 เพนซ์ (ประมาณ 120 บาท) ขณะที่บริษัทเหมืองคริปโตหลายรายในสหรัฐก็เห็นการเติบโตของหุ้นมากกว่า *20%*
ด้านบริษัทการเงินดิจิทัลที่ถือครองเวิลด์คอยน์(WLD) เช่น Eightco Holdings(ORBS) ก็ไม่ตกขบวน หุ้นพุ่งขึ้นเกิน *34%* ปิดที่ 11 ดอลลาร์ (ราว 15,290 บาท) อย่างไรก็ตาม ราคาดังกล่าวยังห่างไกลจากระดับสูงสุดที่ 45 ดอลลาร์ (ประมาณ 62,550 บาท) ซึ่งเคยทำไว้หลังประกาศแผนการครอบครองเวิลด์คอยน์ขนานใหญ่ในปี 2025
บรรยากาศตลาดในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดการเงินโดยรวม โดยที่สกุลเงินดิจิทัลอย่างบิตคอยน์มีความเชื่อมโยงกับตลาดการเงินแบบดั้งเดิมมากขึ้น ทำให้ดัชนี S&P 500 ที่เน้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐก็ปิดตลาดบวก *0.36%* ในวันเดียวกัน
ขณะที่บริษัทในสหรัฐโดยเฉพาะผู้ให้บริการเหมืองคริปโต ก็ได้อานิสงส์จากราคาบิตคอยน์ที่แข็งแกร่ง HIVE ดิจิทัล เทคโนโลยีส์(HIVE) ปรับตัวขึ้นกว่า *25%* ระหว่างการซื้อขาย และต่อเนื่องเพิ่มขึ้นอีก *11%* ในตลาดนอกเวลาทำการ ปิดที่ 6.18 ดอลลาร์ (ประมาณ 8,584 บาท)
*ความคิดเห็น*: การพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทคริปโตครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการแข็งค่าของบิตคอยน์ไม่เพียงส่งผลต่อตัวสินทรัพย์เท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลต่อมูลค่าหุ้นของบริษัทในวงการอีกด้วย ความเชื่อมโยงที่ลึกยิ่งขึ้นระหว่างคริปโตและระบบการเงินแบบดั้งเดิม อาจเป็นสัญญาณของการยอมรับที่กว้างขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0