บิตคอยน์(BTC) ทำสถิติใหม่อีกครั้งหลังจากกองทุน ETF แบบสปอตในสหรัฐฯ มีเงินไหลเข้ามากที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ ส่งสัญญาณความคึกคักในตลาดคริปโตครั้งใหม่ โดยเมื่อวันที่ 6 (เวลาท้องถิ่น) เงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอตทั้ง 11 กองทุนในสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมกว่า 1.18 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.64 หมื่นล้านบาท นับเป็นระดับสูงสุดอันดับสองเป็นประวัติการณ์ รองจากวันที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อ 7 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งมีเงินไหลเข้า 1.37 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.90 หมื่นล้านบาท ในวันเดียวกันราคาบิตคอยน์พุ่งทะลุ 1.26 แสนดอลลาร์ แตะจุดสูงสุดใหม่ พร้อมแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดของปี
จากข้อมูลของ CoinGlass ภายในระยะเวลา 4 วันทำการตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม การลงทุนผ่าน ETF ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตรวมแล้วกว่า 3.47 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.81 หมื่นล้านบาท การเคลื่อนตัวของเงินทุนนี้ชี้ให้เห็นว่า *นักลงทุนสถาบันกำลังแสดงความมั่นใจมากขึ้น* ในการเข้าสู่ตลาดผ่านช่องทาง ETF ซึ่งช่วยเสริมพลังให้ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่อิงกับบิตคอยน์มี *อิทธิพลต่อโครงสร้างตลาดมากขึ้น* ตามรายงานของเจมส์ เซย์ฟาร์ต(James Seyffart) นักวิเคราะห์จาก Bloomberg สะสมตั้งแต่เริ่มเปิดตัว ETF บิตคอยน์มาจนถึงปัจจุบัน มีเม็ดเงินไหลเข้ารวมกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8.34 ล้านล้านบาท
ETF ที่ได้รับเงินทุนมากที่สุดภายในวันเดียวคือ *iShares บิตคอยน์ทรัสต์ (IBIT)* ของแบล็คร็อก โดยเพียงวันเดียวก็มีเงินไหลเข้า 967 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.34 หมื่นล้านบาท และเมื่อนับรวมตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม IBIT มีเงินไหลเข้าสะสมสูงถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.62 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้ *IBIT กลายเป็นหนึ่งใน ETF ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก* ณ เวลานี้
กองทุนอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน เช่น FBTC ของฟิเดลิตี้(Fidelity) ซึ่งมีเงินไหลเข้า 112 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.56 พันล้านบาท ตามด้วย BITB ของบิตไวส์(Bitwise) ที่มีเงินไหลเข้า 60 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 834 ล้านบาท และกองทุนมินิทรัสต์ของเกรย์สเกล(Grayscale) ที่รับทุน 30 ล้านดอลลาร์ หรือ 417 ล้านบาท ด้านกองทุนจากอินเวสโก, วิสดอมทรี และแฟรงคลิน เทมเพิลตัน ก็มีการไหลเข้าของเงินทุนในระดับเล็กแต่ต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมของตลาด ETF บิตคอยน์ดูแข็งแรงยิ่งขึ้น
หนึ่งในจุดที่น่าจับตาคือ *มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหาร (AUM)* ของ IBIT ที่ใกล้แตะระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 13.9 ล้านล้านบาท โดยเนท เจอราชี(Nate Geraci) ประธานของ Novadus ได้โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 8 ว่า กองทุน ETF ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Vanguard S&P500 ใช้เวลามากกว่า 2,000 วันกว่าจะถึงระดับดังกล่าว แต่ IBIT ใช้เวลาเพียงแค่ 450 วัน และในขณะนี้มี AUM อยู่ที่ 98.5 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 13.69 ล้านล้านบาท โดยกองทุนถือบิตคอยน์อยู่กว่า *783,767 เหรียญ* คิดเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญต่ออุปทานในตลาด
วงการคริปโตมองว่าการทุ่มทุนของสถาบันผ่านกองทุน ETF ในครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณการซื้อสะสมในระดับสูงสุดของตลาด ขณะที่นักลงทุนรายย่อยยังคงลังเลที่จะเข้าสู่ตลาดอย่างจริงจัง ทำให้รูปแบบของรอบขาขึ้นในครั้งนี้ *แตกต่างจากรอบที่ผ่านๆ มาอย่างชัดเจน* ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า นี่คือ *สัญญาณการลงทุนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงโดยมีนักลงทุนสถาบันเป็นผู้นำ*
ความคิดเห็น 0