เบราเชน(Berachain) สามารถแซงหน้าบล็อกเชนหลักหลายแห่งในแง่ของ ‘มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกล็อกไว้’ หรือ TVL ภายในเวลาเพียง 20 วันหลังเปิดตัวเมนเน็ต ล่าสุด TVL สูงสุดแตะระดับ 3.27 พันล้านดอลลาร์ ก่อนจะปรับลดลงเล็กน้อย โดยเคยอยู่ในอันดับที่ 6 ของบล็อกเชนดิไฟ แต่ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่อันดับ 7 ถูกเบส(Base) แซงหน้าไป
อัตราการเติบโตของเบราเชนนั้นโดดเด่นอย่างมาก โดยสามารถแซงหน้า ซุย(SUI) ที่มี TVL อยู่ที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์ และอวาแลนเช(AVAX) ที่ 1.23 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ เบราเชนยังมีมูลค่าตามราคาตลาดสำหรับโทเคนที่หมุนเวียนอยู่ที่ 700 ล้านดอลลาร์ แพลตฟอร์มวิเคราะห์ตลาดอย่างดิไฟลาม่า(DeFiLlama) รายงานว่าภายใน 7 วันที่ผ่านมา เบราเชนมีการไหลเข้า(Inflows) ของสินทรัพย์มากที่สุดเมื่อเทียบกับบล็อกเชนอื่น นักวิเคราะห์มองว่าการเติบโตของเบราเชนเป็น ‘โอกาสการลงทุนที่ไม่สมมาตร’ และยังมีศักยภาพในการขยายตัวได้อีกมาก
การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ได้รับแรงหนุนจากโปรโตคอลหลักหลายแห่ง โดยแพลตฟอร์มลิควิดสเตกกิง อินฟราเรด ไฟแนนซ์(Infrared Finance) มีส่วนสำคัญที่สุดด้วยมูลค่าถึง 1.52 พันล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยแพลตฟอร์มซื้อขายแบบกระจายศูนย์ โคเดียก(Kodiak) ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์ และแพลตฟอร์มฟาร์มยีลด์ คอนกรีต(Concrete) ที่ 1.11 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม การแจกจ่ายโทเคนแบบแอร์ดรอปของมูลนิธิเบรา(Bera Foundation) ในบล็อกเชนที่ใช้โมเดล ‘หลักฐานสภาพคล่อง(Proof-of-Liquidity)’ ยังคงเป็นประเด็นถกเถียง โดยมูลนิธิได้แจกจ่ายโทเคนทั้งหมด 15.75% จากอุปทาน 500 ล้านเหรียญ แต่ในจำนวนนั้นมีเพียง 1.65% ที่มอบให้กับผู้ใช้ทดสอบของเครือข่ายทดลอง ในขณะที่เจ้าของ Bong Bears NFT ได้รับถึง 6.9% ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์จากชุมชน แม้ทางมูลนิธิจะออกมาชี้แจงว่าการกระจายโทเคนสะท้อนถึงระดับการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน
ล่าสุด เบราเชนได้กลายเป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในงานโทเคน2049(TOKEN2049) และสามารถระดมทุนซีรีส์ B จำนวน 100 ล้านดอลลาร์ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนจาก เบรแวน ฮาวเวิร์ด ดิจิทัล(Brevan Howard Digital) สาขาอาบูดาบี และเฟรมเวิร์ก เวนเจอร์ส(Framework Ventures) รวมถึงนักลงทุนสำคัญอย่าง โพลีเชน แคปิตอล(Polychain Capital), Hack VC และ ไทรบ์ แคปิตอล(Tribe Capital)
สโมคกี้ เดอะ เบรา(Smokey The Bera) ผู้ร่วมก่อตั้งเบราเชน ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า "ทีมงานได้พัฒนาเครือข่ายโดยคำนึงถึงความคิดเห็นของทั้งผู้ใช้งานและนักพัฒนา ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากตลาด" ด้วยเงินทุนใหม่นี้ เบราเชนตั้งเป้าที่จะขยายระบบนิเวศไปยังฮ่องกง, สิงคโปร์, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ละตินอเมริกา และแอฟริกาในอนาคต
ความคิดเห็น 0