บิตคอยน์(BTC) ปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรเมื่อวันที่ 2 (เวลาท้องถิ่น) แต่การร่วงลงในครั้งนี้ถือว่า ‘จำกัด’ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับ ‘แนวโน้มขาขึ้น’ ที่อาจจะยังคงดำเนินต่อไปมากกว่าการปรับฐานใหญ่
อ้างอิงข้อมูลจากตลาด บิตคอยน์เคยร่วงลงจากระดับ 120,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.66 ล้านบาท) แต่ไม่นานนักก็มี ‘แรงซื้อเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง’ ดันราคากลับขึ้นไปอยู่ที่ 123,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.71 ล้านบาท) ขณะนี้ตลาดกำลังจับตามองว่าบิตคอยน์จะสามารถทะลุแนวต้านจิตวิทยาที่ 124,474 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.73 ล้านบาท) ได้หรือไม่
การปรับฐานของบิตคอยน์รอบนี้ส่งผลกระทบต่ออัลท์คอยน์บางส่วนในช่วงสั้น แต่หลายเหรียญสำคัญได้แสดงให้เห็นว่า ‘แรงซื้อเมื่อราคาต่ำ’ ยังมีอยู่ ตัวอย่างเช่น อาแด(ADA), อวาแลนช์(AVAX) และเชนลิงก์(LINK) ที่สามารถดีดกลับจากแนวรับหลักได้อย่างแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ต่างก็แสดงมุมมอง ‘เชิงบวก’ ต่อทิศทางราคาของบิตคอยน์ในเดือนตุลาคม จากรายงานของ CoinGlass บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบนบล็อกเชน พบว่าตั้งแต่ปี 2013 เดือนตุลาคมถือเป็นเดือนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของบิตคอยน์ โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 20.75% ซึ่งบ่งชี้ว่า ‘ปัจจัยฤดูกาล’ อาจเป็นแรงสนับสนุนราคาในช่วงนี้
อีกด้านหนึ่ง ทิโมธี ปีเตอร์สัน(Timothy Peterson) นักเศรษฐศาสตร์ ได้แสดงความเห็นบนแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิม ทวิตเตอร์) ว่าหากแนวโน้มปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป มีความเป็นไปได้ถึง ‘50% ที่บิตคอยน์จะทะลุ 140,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.94 ล้านบาท)’ ภายในสิ้นเดือนตุลาคม
จากทุกปัจจัยดังกล่าว บิตคอยน์แม้จะเผชิญแรงขายในระยะสั้น แต่ยังคงได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องและความคาดหวังเชิงบวกจากฤดูกาล ทำให้ตลาดเริ่มประเมินว่า บิตคอยน์กำลังเข้าสู่ภาวะ ‘ท้าชิงจุดสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง’ โดยหากสามารถทะลุแนวต้านปัจจุบันไปได้ ก็อาจเห็นแรงซื้อเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0